Search
Back
เกี่ยวกับเรา  
รางวัล  
ข่าวและกิจกรรม  
บริการโอนเงินระหว่างประเทศ  
โปรโมชั่นล่าสุด  
CIMB THAI App  
CIMB THAI Connect  
บริการแจ้งเตือนผ่าน SMS  
พร้อมเพย์  
บริการเปิดบัญชีด้วยการยืนยันตัวตนรูปแบบดิจิทัล (NDID)  
การขอและรับส่งข้อมูลรายการเคลื่อนไหวบัญชีเงินฝาก ในรูปแบบข้อมูลดิจิทัลระหว่างธนาคาร (dStatement)  
บริการยืนยันตัวตนรูปแบบดิจิทัล (NDID) เพื่อทำธรุกรรมออนไลน์กับกรมสรรพากร  
ติดต่อเรา  
สาขาธนาคาร  
ข้อมูลคุณภาพการให้บริการ  
คำมั่นสัญญาการให้บริการลูกค้าธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย  
อัตราและค่าธรรมเนียม  
Form Download Center  
You're viewing:
ลูกค้าบุคคล
Other Sites
เกี่ยวกับเรา
การกำกับดูแล
ทีมผู้บริหาร
นักลงทุนสัมพันธ์
ความยั่งยืน
ผลิตภัณฑ์ธนาคาร
เงินฝาก
บัตร
ประกัน
สินเชื่อ
การบริหารความมั่งคั่ง
การลงทุน
TH

 

     ถึงช่วงต้นปีทีไร สิ่งหนึ่งที่ถือเป็นหน้าที่หลักของบรรดามนุษย์เงินเดือน นั่นก็คือ การยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สำหรับใครก็ตามที่เพิ่งยื่นเป็นครั้งแรก วันนี้เรามีข้อมูลดี ๆ ที่จะมาบอกว่า ทำไมเราต้องเสียภาษี แล้วเงินเดือนเท่านี้ต้องเสียภาษีเท่าไหร่ แล้วสามารถยื่นภาษีย้อนหลังได้หรือไม่ บทความนี้มีคำตอบ

 

     ใครก็ตามที่เพิ่งยื่นเป็นครั้งแรก จะขออธิบายสั้น ๆ สักหน่อยก็แล้วกัน ถ้าพูดถึงคำว่า ภาษี ที่หมายถึง เงินที่เก็บจากประชาชน มีวัตถุประสงค์เพื่อให้รัฐบาลสามารถนำเงินมาใช้ในการพัฒนาประเทศ ซึ่งอัตราภาษีที่ต้องชำระก็จะแตกต่างกันออกไปตามจำนวนของรายได้ โดยทั่วไปภาษีมีหลายรูปแบบ แต่ที่น่าจะใกล้ตัวเรามากที่สุด นั่นก็คือ ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา คือผู้ที่มีรายได้จากการประกอบอาชีพ นั่นก็คือ จากเงินเดือน ค่าจ้าง และมีรายได้ถึงเกณฑ์ที่จะต้องเสียภาษีนั่นเอง

 

 

เงินเดือนเท่าไหร่เสียภาษี

     เป็นคำถามยอดฮิตของเหล่ามนุษย์เงินเดือนทั้งหน้าเก่า และบรรดา First Jobber ว่าเงินเดือนเราเท่านี้ ต้องเสียภาษีไหม เสียเท่าไหร่ เนื่องจากแต่ละบุคคลต่างก็มีรายได้ที่แตกต่างกันออกไป บ้างก็มีรายได้แค่เฉพาะเงินเดือนอย่างเดียว บ้างก็มีรายได้หลายทาง เพราะฉะนั้นรายรับที่แต่ละคนได้ต่อเดือน จะเป็นตัวกำหนดการคำนวณภาษี โดยมีสูตรการคำนวณคร่าว ๆ ก็คือ "รายได้ตลอดทั้งปี - ค่าใช้จ่าย - ค่าลดหย่อน จะออกมาเป็น รายได้สุทธิ"

 

     ซึ่งรายได้ตลอดทั้งปีจะมาจากเงินเดือนในแต่ละเดือนที่นายจ้างมีการจ่ายเป็นค่าจ้าง ลบด้วยค่าใช้จ่ายของรายได้จากงานประจำ 50% แต่ไม่เกิน 100,000 บาท ลบด้วยลดหย่อนส่วนตัว คนละ 60,000 บาท ซึ่งเราสามารถใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีเพิ่มเติมได้จาก ค่าลดหย่อนส่วนตัว หรือจะเป็น การลงทุนในกองทุนรวม การซื้อประกันชีวิต แคมเปญจากภาครัฐ เช่น ช็อปดีมีคืน เป็นต้นจะได้เป็น เงินได้สุทธิ โดยผู้ที่มีรายได้สุทธิคำนวณทั้งปีไม่เกิน 150,000 บาท จะได้รับการยกเว้นเสียภาษี และถ้าหากรวมแล้วเกิน 150,000 บาท จะต้องเสียภาษีอัตราตามขั้นบันได 5 - 35%

 

     สำหรับใครที่มีรายได้จากงานประจำเพียงทางเดียว คนที่มีฐานเงินเดือนไม่เกิน 10,000 บาท ไม่ต้องยื่นภาษี ส่วนผู้ที่มีเงินเดือนไม่เกิน 26,583 บาท ต้องยื่นภาษี แต่ไม่ต้องเสียภาษีเนื่องจากยังไม่ถึงเกณฑ์ที่ต้องเสียภาษี แต่ถ้าหากเงินเดือนเกิน 26,583 บาทเป็นต้นไปนอกจากจะต้องยื่นภาษีแล้วต้องเสียภาษีด้วย ซึ่งอัตราภาษีจะแบ่งตามช่วงรายได้ดังนี้

 

 

รายได้สุทธิ (บาท) อัตราภาษี
ไม่เกิน 150,000 บาท ไม่ต้องเสียภาษี
ตั้งแต่ 150,001 บาท - 300,000 บาท 5%
ตั้งแต่ 300,001 บาท - 500,000 บาท 10%
ตั้งแต่ 500,001 บาท - 750,000 บาท 15%
ตั้งแต่ 750,001 บาท - 1,000,000 บาท 20%
ตั้งแต่ 1,000,001 บาท - 2,000,000 บาท 25%
ตั้งแต่ 2,000,001 บาท - 5,000,000 บาท 30%
ตั้งแต่ 5,000,001 บาทขึ้นไป 35%

 

วางแผนลดหย่อนภาษีอย่างไรดีให้มีเงินใช้

     ย้ำอีกทีว่า การยื่นภาษี เป็นหน้าที่ของทุกคนที่มีรายได้ แม้รายได้สุทธิประจำปีจะยังไม่เกณฑ์ก็ตาม และเพื่อสิทธิประโยชน์ของตัวเราเอง การลดหย่อนภาษี ถือเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยดี ๆ ที่นอกจากจะช่วยให้เราได้รับเงินคืนในแต่ละปีแล้ว ยังจะช่วยให้เราวางแผนการเงินได้อย่างมั่นคงในทุก ๆ ปี อีกด้วยนะ โดยเราสามารถวางแผนลดหย่อนภาษีได้จาก 4 หมวด ดังต่อไปนี้

 

หมวดส่วนตัวและครอบครัว

     ในหมวดนี้สามารถลดหย่อนได้ไม่เกิน 60,000 บาท แบ่งเป็น ค่าลดหย่อนส่วนตัว ซึ่งเป็นค่าลดหย่อนภาษีที่เกิดจากตัวเองและคนในครอบครัว ค่าลดหย่อนคู่สมรส ค่าลดหย่อนบุตร ค่าฝากครรภ์และทำคลอด เป็นต้น

 

หมวดประกันและการลงทุน

  • ประกันชีวิต เฉพาะกรมธรรม์ที่มีความคุ้มครองตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป สามารถลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริงสูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท ลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริงสูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท
  • SSF (Super Saving Funds) สามารถนำมาลดหย่อนได้ 30% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษี ตามที่จ่ายจริงสูงสุดไม่เกิน 200,000 บาท
  • RMF (Retirement Mutual Fund) สามารถนำมาลดหย่อนได้ 30% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษี ตามที่จ่ายจริงสูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท

 

หมวดเงินบริจาค

  • เงินบริจาคทั่วไป สามารถวางแผนลดหย่อนภาษีได้ตามจริง แต่ไม่เกิน 10% ของรายได้หลังหักค่าลดหย่อน
  • เงินบริจาคเพื่อการศึกษา เงินบริจาคภาครัฐ โรงพยาบาล สามารถวางแผนลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่าของเงินที่เราบริจาค แต่ไม่เกิน 10% ของรายได้หลังหักค่าลดหย่อน 

 

หมวดกระตุ้นเศรษฐกิจ

     ในแต่ละปี ภาครัฐจะมีมาตรการต่าง ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง ยกตัวอย่างล่าสุดก็คือโครงการ ช้อปดีมีคืน ที่นอกจากจะช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายแล้วเรายังสามารถลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 40,000 บาท เป็นต้น

 

 

 

ยื่นภาษีย้อนหลังได้หรือไม่ สรรพากรเรียกเก็บภาษีย้อนหลังได้กี่ปี?

     เมื่อถึงฤดูกาลการยื่นภาษี ช่วงนั้นจะวุ่นวายนิดหน่อยในการรวบรวมเอกสารต่าง ๆ แม้เราจะมีรายได้ไม่ถึงเกณฑ์การเสียภาษี แต่ก็ควรยื่นภาษีอย่างถูกต้องทุกปี เพื่อป้องกันปัญหาการโดนเรียกเก็บภาษีย้อนหลัง และถ้าเกิดยื่นภาษีล่าช้า หรือบังเอิญลืม ก็สามารถยื่นภาษีย้อนหลังได้ แต่ถ้าหากมีเจตนาละเลย หรือจงใจหนีภาษี ระวังจะมีบทลงโทษ รวมถึงค่าปรับต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้น ดังนี้

 

     กรณีไม่ได้ยื่นแบบภาษีภายในกำหนด มีโทษปรับทางอาญาสูงสุด 2,000 บาท พร้อมเสียเบี้ยปรับ ไม่เกิน 2 เท่า ของค่าภาษีที่ต้องจ่าย และ เสียเงินเพิ่ม 1.5% ต่อเดือนของภาษีที่ต้องจ่ายนับตั้งแต่วันที่พ้นกำหนดให้ยื่นแบบจนถึงวันที่จ่ายครบ

 

     กรณีเจตนาละเลยไม่ยื่นแบบภาษีภายในกำหนดเพื่อเลี่ยงภาษี มีโทษปรับทางอาญาสูงสุด 5,000 บาท จำคุกสูงสุด 6 เดือน พร้อมเสียเบี้ยปรับ 2 เท่า ของค่าภาษีที่ต้องจ่าย และ เสียเงินเพิ่ม 1.5% ต่อเดือนของภาษีที่ต้องจ่ายนับตั้งแต่วันที่พ้นกำหนดให้ยื่นแบบจนถึงวันที่จ่ายครบ

 

     กรณีหนีภาษี มีโทษปรับทางอาญาตั้งแต่ 2,000 - 200,000 บาท จำคุกตั้งแต่ 3 เดือนถึง 7 ปี พร้อมเสียเบี้ยปรับ 2 เท่า ของค่าภาษีที่ต้องจ่าย และ เสียเงินเพิ่ม 1.5% ต่อเดือนของภาษีที่ต้องจ่ายนับตั้งแต่วันที่พ้นกำหนดให้ยื่นแบบจนถึงวันที่จ่ายครบ

 

     และเพื่อไม่ให้โดนเรียกเก็บภาษีย้อนหลัง อย่าลืมติดตามข่าวสารการยื่นภาษีได้ทางกรมสรรพากรกันด้วยนะ เพราะแต่ละปีก็จะมีเงื่อนไข หรือกฎหมายใหม่ ๆ อัปเดตให้ทราบ เพื่อที่เราจะได้ไม่ตกข่าว ยื่นภาษีครบ จบในครั้งเดียว  

 

     และนี่ก็คือเรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับการเสียภาษี เพื่อเป็นข้อมูลในการคิดคำนวณภาษีที่ต้องจ่ายคร่าว ๆ ตามฐานเงินเดือนของแต่ละคนซึ่งแหล่งที่มาของรายได้ต่างกัน จำนวนค่าลดหย่อนก็เช่นกัน อย่างไรก็ตาม หากถึงฤดูกาลยื่นภาษีอย่าลืมนำข้อมูลเหล่านี้ไปปรับใช้กันได้เลย


คุณอาจสนใจ