คุณอยู่ที่

  • บทความ
  • ผลิตภัณฑ์ธนาคาร
  • ช่องทางบริการธนาคาร
  • เกี่ยวกับเรา
  • บริการช่วยเหลือ
  • ลิงก์ด่วน
ผลิตภัณฑ์ธนาคาร
เกี่ยวกับเรา
Financial Guru
Business Maker
Lifestyle Tips
ลงทุน
บริการโอนเงินระหว่างประเทศ
CIMB THAI App
ข่าวและกิจกรรม

 

สำหรับใครหลาย ๆ คน คงเคยได้ยินคำว่า เครดิตบูโร กันมาบ้าง โดยเฉพาะใครก็ตามที่กำลังจะขอสินเชื่อ โดยข้อมูลเครดิตบูโร เป็นข้อมูลสำคัญที่สะท้อนถึงประวัติการชำระหนี้และการบริหารจัดการทางการเงินของแต่ละบุคคล การมีประวัติเครดิตที่ดีสามารถช่วยให้มีโอกาสได้รับอนุมัติสินเชื่อได้ง่ายหรือรวดเร็วขึ้นหรืออาจจะได้รับการเสนอดอกเบี้ยในอัตราต่ำ แล้ว เครดิตบูโรคืออะไร ทำไมถึงมีความสำคัญ แล้วถ้าเราอยากได้ข้อมูลต้องไปขอที่ไหน

เครดิตบูโรคืออะไร มีผลต่อการขอสินเชื่ออย่างไร?

เครดิตบูโร (Credit Bureau) คือ ข้อมูลที่ทางบริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด รวบรวมข้อมูลเครดิตจากข้อมูลสินเชื่อที่เคยได้รับอนุมัติจากสถาบันการเงินหลาย ๆ แห่งที่เป็นสมาชิกของบริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ เช่น ธนาคาร บริษัทผู้ให้บริการบัตรเครดิต และสินเชื่ออื่น ๆ (Non Bank) โดยจะรวบรวมข้อมูลประวัติการชำระสินเชื่อ เคยขอสินเชื่ออะไรมาบ้าง ประวัติการผ่อนชำระเป็นอย่างไร สถานะตอนนี้ยังผ่อนอยู่หรือปิดบัญชีแล้ว ชำระตรงเวลาไหม หรือมีค้างจ่ายอะไรหรือเปล่า เป็นต้น ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ถูกนำมาใช้เป็นข้อมูลอ้างอิงในการพิจารณาสินเชื่อ

เครดิตบูโรมีผลต่อการขอสินเชื่ออย่างไร?

ไม่ว่าคุณต้องการขอสินเชื่อประเภทไหนก็ตาม ธนาคารจะพิจารณาข้อมูลจากเครดิตบูโรเป็นหนึ่งในปัจจัยหลัก เพื่อประเมินความเสี่ยง รายงานเครดิตบูโร สะท้อนถึงความสามารถในการชำระเงินหนี้ของผู้ขอสินเชื่อ หากผู้ขอสินเชื่อมีประวัติการชำระหนี้ที่ดีและตรงเวลา จะทำให้โอกาสในการขอสินเชื่อผ่านและได้รับเงื่อนไขที่ดีขึ้น เช่น ดอกเบี้ยที่ต่ำกว่า ขณะที่หากมีประวัติค้างชำระ หรือมีการผิดนัดชำระหนี้ จะส่งผลเสียต่อความน่าเชื่อถือและอาจทำให้ขอสินเชื่อได้ยากขึ้น

เครดิตบูโรมีอายุกี่ปี

เครดิตบูโรจัดเก็บข้อมูลไม่เกิน 3 ปี สมมุติว่าคุณมียอดค้างชำระบัตรเครดิตช่วงเดือนสิงหาคมแล้วมีการปิดบัญชีช่วงเดือนกันยายน ข้อมูลจะแสดงยอดหนี้เป็น 0 มีสถานะ "ปิดบัญชี" เมื่อครบกำหนด 3 ปี บัญชีบัตรเครดิตดังกล่าวก็จะถูกลบออกไปจากฐานข้อมูลเครดิตบูโรโดยอัตโนมัติ และไม่สามารถลบได้ในทันทีหลังปิดบัญชี ซึ่งแต่ละธนาคาร หรือสถาบันการเงินได้ทำการจัดส่งข้อมูลให้เครดิตบูโร จะไม่แสดงผลในทันที แต่จะมีการอัปเดตข้อมูลในเดือนถัดไป หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับสถานะข้อมูลเครดิต แนะนำว่าให้ไปติดต่อธนาคาร รวมถึง ศูนย์ตรวจเครดิตบูโร เพื่อยื่นคำขอแก้ไข

คะแนนเครดิตบูโรคืออะไร

เรามาพูดถึงอีกหนึ่งตัวชี้วัดข้อมูลเครดิตของคุณอย่าง คะแนนเครดิตบูโร กันบ้างหรือที่บางคนเรียกสิ่งนี้ว่า credit score คือ ตัวเลขที่สะท้อนให้เห็นถึงความน่าเชื่อถือทางการเงินของคุณ โดยคำนวณจากประวัติการชำระหนี้และพฤติกรรมการชำระหนี้ในอดีตของคน ๆ นั้น โดยจะมีเกณฑ์การวัดทั้งหมด 8 ระดับด้วยกัน เริ่มตั้งแต่ โอกาสผิดชำระหนี้น้อยที่สุด (AA) ไปจนถึง โอกาสผิดชำระหนี้มากที่สุด (HH)

  • คะแนน 753-900 ระดับความเสี่ยง AA 

  • คะแนน 725-752 ระดับความเสี่ยง BB 

  • คะแนน 699-724 ระดับความเสี่ยง CC 

  • คะแนน 681-698 ระดับความเสี่ยง DD 

  • คะแนน 666-680 ระดับความเสี่ยง EE 

  • คะแนน 646-665 ระดับความเสี่ยง FF 

  • คะแนน 616-645 ระดับความเสี่ยง GG 

  • คะแนน 300-615 ระดับความเสี่ยง HH

     

 

ตรวจเครดิตบูโรได้ที่ไหน

สำหรับใครที่กำลังวางแผนขอสินเชื่อ แนะนำให้ลองตรวจเช็คสถานะทางการเงินของคุณเองว่ามีประวัติค้างจ่าย หรือมีหนี้งอกหรือไม่ คุณสามารถตรวจเครดิตบูโรและคะแนนเครดิตบูโร ได้ที่

แอปพลิเคชัน ทางรัฐ

เป็นการรายงานข้อมูลเครดิตแบบสรุปเบื้องต้น ที่เราสามารถเช็กข้อมูลได้ฟรี โดยจะระบุข้อมูลเกี่ยวกับบัญชีสินเชื่อทั้งหมดของคุณว่ามีอยู่เท่าไหร่ ค้างจ่ายกี่บัญชี บัญชีไหนที่ปิดแล้วบ้าง 

ศูนย์ตรวจเครดิตบูโร

แบบรอรับได้เลยภายใน 15 นาที เฉพาะกรุงเทพฯ และปริมณฑล (มีค่าบริการ 100 บาท)

  • ศูนย์ตรวจเครดิตบูโร อาคารเดอะไนน์ ทาวเวอร์ แกรนด์ พระรามเก้า ชั้น 2 (โซนพลาซา) ให้บริการวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 9.00 – 16.30 น. หยุดวันนักขัตฤกษ์

  • ศูนย์ตรวจเครดิตบูโร สถานีรถไฟฟ้า BTS ศาลาแดง (ภายในสถานี) ให้บริการวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 9.00 – 18.00 น. หยุดวันนักขัตฤกษ์

  • ศูนย์ตรวจเครดิตบูโร ห้างเจเวนิว (นวนคร) ชั้น 3 ติดประกันสังคม ให้บริการทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการตั้งแต่เวลา 9.00 – 18.00 น.

     

 

ทำอย่างไรให้คะแนนเครดิตบูโรดีขึ้น

การที่เรามีคะแนนเครดิตบูโรที่ดี จะช่วยเปิดโอกาสให้คุณเข้าถึงผลิตภัณฑ์ทางการเงินต่าง ๆ ได้ดียิ่งขึ้น และนี่คือเคล็ดลับในการสร้างคะแนนเครดิตบูโรของคุณให้ดียิ่งขึ้น

1. ชำระหนี้ตรงเวลา

หนึ่งในเกณฑ์ที่จะตัดสินว่า คะแนนเครดิตบูโรของคุณดีแค่ไหน อยู่ที่การชำระหนี้ให้ตรงเวลานี่แหละ เพราะถ้าเราชำระหนี้ไม่ตรงเวลา หรือชำระล่าช้าไปกว่ากำหนดแน่นอนว่าคุณจะต้องเสียดอกเบี้ย ค่าปรับ และคะแนนเครดิตบูโรของเราก็ยิ่งลดลง

2. หลีกเลี่ยงการสร้างหนี้ก้อนใหม่

ควรเคลียร์หนี้เก่าที่มีอยู่ให้เรียบร้อย หลีกเลี่ยงการขอสินเชื่อใหม่เนื่องจาก ยอดหนี้ค้างชำระของหนี้เก่า จะเป็นตัวประเมินความสามารถที่จะชำระหนี้ได้ไหม่ในอนาคต หากคุณสร้างหนี้ก้อนใหม่ จะทำให้ยอดที่ค้างชำระสูง ส่งผลต่อสภาพคล่องทางการเงินของคุณ และทำให้พลาดโอกาสในการที่จะได้สินเชื่อในอนาคต

3. อย่าขอสินเชื่อบ่อยเกินไป

เนื่องจากธนาคารอาจจะมองว่าเราขาดสภาพคล่อง แล้วถ้าปล่อยสินเชื่อไปแล้วจะชำระคืนไหวไหม จะกลายเป็นหนี้เสียหรือเปล่า การที่เรามีคะแนนเครดิตบูโรที่ดีแสดงให้เห็นถึงความมีวินัยในการชำระหนี้ เพราะฉะนั้น อย่าขอสินเชื่อบ่อยเกินไป 

หากใครที่กำลังจะขอสินเชื่อ แนะนำให้ไปตรวจเครดิตบูโรก่อนนะ เพื่อที่เราจะได้ทราบว่ายังมีประวัติค้างชำระหรือไม่ ซึ่งการที่สินเชื่อที่เราขอจะอนุมัติหรือไม่ ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของธนาคารที่คุณไปยื่นขอสินเชื่อนั่นเอง ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย มีสินเชื่อหลากหลายประเภท รองรับทุกความต้องการของคุณ สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทาง CIMB THAI Care Center ที่หมายเลข 02-626-7777 หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติม คลิกที่นี่

 


คุณอาจสนใจ