คุณอยู่ที่

  • บทความ
  • ผลิตภัณฑ์ธนาคาร
  • ช่องทางบริการธนาคาร
  • เกี่ยวกับเรา
  • บริการช่วยเหลือ
  • ลิงก์ด่วน
ผลิตภัณฑ์ธนาคาร
เกี่ยวกับเรา
Financial Guru
Business Maker
Lifestyle Tips
ลงทุน
บริการโอนเงินระหว่างประเทศ
CIMB THAI App
ข่าวและกิจกรรม

 

บทความนี้ว่ากันด้วยเรื่องของ "หุ้น" หนึ่งในการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนที่น่าสนใจ ทั้งในแง่ของ เงินปันผล หรือ กำไรจากการขายหุ้น ปัจจุบันการลงทุนในหุ้นก็มีให้เลือกอยู่หลายประเภท แต่มีหุ้นอยู่ 2 ประเภทที่พบได้บ่อยที่สุด นั่นก็คือ หุ้นสามัญ และ หุ้นบุริมสิทธิ แล้วหุ้นทั้ง 2 ประเภทนี้ มีความแตกต่างกันอย่างไร 

 

ทำความรู้จัก หุ้นสามัญ หุ้นบุริมสิทธิ

ก่อนที่จะเริ่มลงทุน เรามาทำความรู้จัก หุ้นทั้ง 2 ประเภทนี้กันก่อน โดยทั้ง หุ้นสามัญ และ หุ้นบุริมสิทธิ ต่างก็มีสิทธิและหน้าที่ที่แตกต่างกัน ดังนั้น นักลงทุนจึงควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับทั้งสองชนิดอย่างละเอียดก่อนตัดสินใจลงทุน

1. หุ้นสามัญ (Common Stocks)

หุ้นสามัญ คือ ตราสารที่ออกโดยบริษัทมหาชนจำกัด (บมจ.) โดยผู้ถือหุ้นสามัญจะมีสิทธิ์ร่วมเป็นเจ้าของบริษัท รวมถึงมีส่วนร่วมในการกำหนดทิศทางของบริษัทผ่านการประชุมผู้ถือหุ้น โดยสิทธิ์และหน้าที่ของผู้ถือหุ้นสามัญ จะมีดังนี้

  • สิทธิ์ในการลงคะแนนเสียงในการประชุมผู้ถือหุ้น

  • สิทธิ์ในการได้รับเงินปันผล

  • สิทธิ์ในการได้รับส่วนแบ่งทรัพย์สินที่เหลืออยู่เมื่อบริษัทเลิกกิจการ

2. หุ้นบุริมสิทธิ (Preferred Stocks)

หุ้นบุริมสิทธิ เป็นตราสารที่มีลักษณะคล้ายกับหุ้นสามัญ แต่ผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิ จะมีสิทธิพิเศษเหนือผู้ถือหุ้นสามัญในด้านต่างๆ อาทิ

  • สิทธิ์ในการได้รับเงินปันผลก่อนผู้ถือหุ้นสามัญ

  • สิทธิ์ในการได้รับเงินคืนทุนก่อนผู้ถือหุ้นสามัญในกรณีที่บริษัทเลิกกิจการ

  • สิทธิ์ในการได้รับเงินปันผลในอัตราคงที่

  • สิทธิ์ในการได้รับเงินปันผลก่อนผู้ถือหุ้นสามัญในกรณีที่บริษัทประสบปัญหาขาดทุน

     

 

เทียบความแตกต่างระหว่าง หุ้นสามัญ กับ หุ้นบุริมสิทธิ 

หุ้นสามัญ และ หุ้นบุริมสิทธิ แม้จะเป็นตราสารประเภทหุ้นทุนที่ออกโดยบริษัทจดทะเบียนทั้งคู่ แต่หุ้นทั้ง 2 ประเภทมีสิทธิและหน้าที่ที่แตกต่างกัน ลิสต์มาให้ดังนี้

1. สิทธิ์ในการลงคะแนนเสียงในการประชุมผู้ถือหุ้น

ผู้ถือหุ้นสามัญมีสิทธิในการลงคะแนนเสียงในการประชุมผู้ถือหุ้น ซึ่งถือเป็นสิทธิที่สำคัญในการมีส่วนร่วมในการกำหนดทิศทางของบริษัท ผู้ถือหุ้นสามัญสามารถลงคะแนนเสียงเพื่อเลือกกรรมการบริษัท อนุมัตินโยบายของบริษัท หรือตัดสินใจเรื่องสำคัญอื่นๆ ของบริษัท ในขณะที่ผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิ จะไม่มีสิทธิในการลงคะแนนเสียงในการประชุมผู้ถือหุ้น

2. สิทธิ์ในการได้รับเงินปันผล

  • หุ้นสามัญ ปันผลขึ้นอยู่กับผลกำไรของบริษัท ไม่มีการรับประกันการจ่ายเงินปันผล โดยทั่วไปแล้ว บริษัทจะจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นสามัญอย่างน้อยปีละครั้ง

  • หุ้นบุริมสิทธิ จะได้รับเงินปันผลก่อนผู้ถือหุ้นสามัญ โดยทางบริษัทจะกำหนดอัตราเงินปันผลต่อหุ้นสำหรับหุ้นบุริมสิทธิไว้ล่วงหน้า

3. ความเสี่ยงและผลตอบแทน

  • หุ้นสามัญ ผลตอบแทนสูง และความเสี่ยงก็สูงเช่นกัน หากบริษัทมีผลการดำเนินงานที่ดี ก็อาจจ่ายเงินปันผลในอัตราที่สูง หรือราคาหุ้นอาจปรับตัวสูงขึ้นได้ แต่ในทางกลับกัน หากบริษัทมีผลการดำเนินงานที่ไม่ดี ก็อาจไม่มีเงินปันผลจ่ายให้แก่ผู้ถือหุ้นสามัญ หรืออาจจ่ายเงินปันผลในอัตราที่ต่ำกว่าคาดการณ์ไว้

  • หุ้นบุริมสิทธิ เป็นตราสารที่มีความเสี่ยงต่ำ เนื่องจากผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิจะได้รับเงินปันผลก่อนผู้ถือหุ้นสามัญ และจะได้รับเงินคืนทุนในกรณีที่บริษัทเลิกกิจการก่อนผู้ถือหุ้นสามัญ ผลตอบแทนของ หุ้นบุริมสิทธิ จะค่อนข้างต่ำ เนื่องจากอัตราเงินปันผลต่อหุ้นของหุ้นบุริมสิทธิมักจะต่ำกว่าอัตราเงินปันผลต่อหุ้นของหุ้นสามัญ

     

 

 

ได้อะไรจากการลงทุนใน หุ้นสามัญ หุ้นบุริมสิทธิ

แม้ "หุ้น" จะเป็นหลักทรัพย์ที่ผู้ลงทุนหลายคนอาจจะรู้สึกลังเลที่จะลงทุน เนื่องจากความเสี่ยงที่มีความผันผวนอยู่ตลอดเวลา แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า การลงทุนในหุ้น ยังคงได้รับความนิยม และพร้อมรับความเสี่ยงได้เสมอ แล้วการลงทุนใน หุ้นสามัญ หุ้นบุริมสิทธิ เราได้อะไรจากสิ่งนี้บ้าง

1. ลงทุนในหุ้น มีโอกาสได้รับผลตอบแทน

ไม่ว่าจะเป็น เงินปันผล กำไรจากการขายหุ้น หรืออาจจะเป็นผลตอบแทนในรูปแบบอื่น ๆ เช่น สิทธิ์ในการจองซื้อหุ้นออกใหม่ (Subscription Right) กรณีที่บริษัทต้องการออกหุ้นเพื่อการเพิ่มทุน เป็นต้น

2. ลงทุนในหุ้น มีสภาพคล่องเมื่อต้องการเปลี่ยนเป็นเงินสด

โดยตลาดหลักทรัพย์ จะทำหน้าที่เป็นตัวกลางระหว่างผู้ซื้อ และ ผู้ขาย นักลงทุนสามารถทำการซื้อขายหุ้น หรือจะเปลี่ยนมือผู้ถือหุ้นก็สามารถทำได้ ในราคาที่ทั้งสองฝ่ายพึงพอใจ อย่างไรก็ตาม หุ้นแต่ละตัว แต่ละบริษัทอาจมีสภาพคล่องที่แตกต่างกัน ยิ่งถ้าเป็นหุ้นที่ได้รับความสนใจจากผู้ลงทุนมากเท่าไหร่ โอกาสที่จะซื้อง่าย ขายคล่อง ย่อมมีมากขึ้นเท่านั้น

 

ขึ้นชื่อว่าลงทุน ไม่ว่าจะเป็น หุ้นสามัญ หุ้นบุริมสิทธิ หรือแม้แต่หุ้นประเภทอื่น ๆ ผู้ลงทุนควรคำนึงไว้ว่า ไม่มีการลงทุนใด ๆ ในโลกใบนี้ที่ปราศจากความเสี่ยง 100% ดังนั้น ผู้ที่กำลังจะก้าวเข้าสู่วงการลงทุน ควรเลือกการลงทุนที่สอดคล้องกับระดับความเสี่ยงที่เราสามารถรับได้ แน่นอนว่าหากเราเลือกลงทุนในระดับความเสี่ยงที่สูง ผลตอบแทนที่ได้ก็จะสูงเช่นกัน แต่ในทางกลับกัน หากคุณเป็นคนที่ไม่กล่าเสี่ยงมาก แนะนำให้เลือกลงทุนที่มีระดับความเสี่ยงที่ต่ำกว่า แต่นั่นหมายถึง ผลตอบแทนที่ได้รับก็จะน้อยลงเช่นกัน อย่างไรก็ตาม อย่าลืมศึกษาข้อมูลทุกครั้งก่อนตัดสินใจลงทุนจะดีที่สุด

 

 

 

อ้างอิงข้อมูล ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย