Search
Back
เกี่ยวกับเรา  
รางวัล  
ข่าวและกิจกรรม  
บริการโอนเงินระหว่างประเทศ  
โปรโมชั่นล่าสุด  
CIMB THAI App  
CIMB THAI Connect  
บริการแจ้งเตือนผ่าน SMS  
พร้อมเพย์  
บริการเปิดบัญชีด้วยการยืนยันตัวตนรูปแบบดิจิทัล (NDID)  
การขอและรับส่งข้อมูลรายการเคลื่อนไหวบัญชีเงินฝาก ในรูปแบบข้อมูลดิจิทัลระหว่างธนาคาร (dStatement)  
บริการยืนยันตัวตนรูปแบบดิจิทัล (NDID) เพื่อทำธรุกรรมออนไลน์กับกรมสรรพากร  
ติดต่อเรา  
สาขาธนาคาร  
ข้อมูลคุณภาพการให้บริการ  
คำมั่นสัญญาการให้บริการลูกค้าธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย  
อัตราและค่าธรรมเนียม  
Form Download Center  
You're viewing:
ลูกค้าบุคคล
Other Sites
เกี่ยวกับเรา
การกำกับดูแล
ทีมผู้บริหาร
นักลงทุนสัมพันธ์
ความยั่งยืน
ผลิตภัณฑ์ธนาคาร
เงินฝาก
บัตร
ประกัน
สินเชื่อ
การบริหารความมั่งคั่ง
การลงทุน
TH

 

หากคุณเป็นมือใหม่หัดออมเงิน หรือใครก็ตามที่ต้องการหาวิธีเก็บเงินแบบทำได้จริง เชื่อว่าหลายๆ คนคงเคยได้ยินคำว่า การวางแผนทางการเงิน กันมาบ้าง แต่อาจยังไม่แน่ใจว่า แล้วการวางแผนทางการเงินนั้น สำคัญอย่างไร แล้วต้องทำอย่างไรบ้างถ้าเราต้องการจัดการกำหนดเป้าหมายทางการเงิน และนี่คือ HOW TO ที่เราจะมาแนะนำการวางแผนทางการเงิน ให้คุณมีเงินใช้ทั้งในปัจจุบันยาวไปจนถึงอนาคต
 

การวางแผนทางการเงิน คืออะไร

การวางแผนทางการเงิน เป็นกระบวนการที่จะช่วยให้เรารู้จักสภาพการเงินของตนเอง ผ่านการกำหนดเป้าหมายทางการเงิน กำหนดแนวทางการใช้จ่ายและการลงทุน บริหารจัดการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ และบรรลุเป้าหมายทางการเงินที่วางไว้
 

ทำไมต้องมีการวางแผนทางการเงิน


ไม่ว่าจะเป็นบุคคล ครอบครัว หรือเป็นเจ้าของธุรกิจ การวางแผนทางการเงินเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับทุกคน และนี่คือ ประโยชน์ของการวางแผนทางการเงิน ที่เราลิสต์มาให้ดังนี้
 

1. ช่วยให้คุณมีเป้าหมายทางการเงินที่ชัดเจน


เมื่อคุณวางแผนทางการเงิน คุณจะต้องกำหนดว่าคุณต้องการทำอะไรกับเงินของคุณ เช่น ซื้อบ้าน ซื้อรถ เกษียณ ศึกษาต่อ เป็นต้น การมีเป้าหมายที่ชัดเจนจะช่วยให้คุณมีแรงจูงใจในการประหยัดและลงทุน เพื่อบรรลุเป้าหมายของคุณ
 

2. ช่วยให้คุณมีสถานะการเงินที่มั่นคง


การวางแผนทางการเงินที่ดี ต้องมีการวิเคราะห์สถานะการเงินปัจจุบันของคุณ เช่น รายได้ รายจ่าย หนี้สิน เงินออม เพื่อที่จะช่วยให้คุณสามารถปรับปรุงและดูแลการเงินของคุณได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ
 

3. เพราะการวางแผนทางการเงิน จะช่วยให้คุณใช้เงินได้เกิดประโยชน์สูงสุด


การที่เรามีแผนการปฏิบัติที่ดี เช่น กำหนดว่าคุณจะลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ เลือกช่องทางการลงทุน จะช่วยให้คุณสามารถใช้เงินได้อย่างมีประโยชน์มากที่สุด
 

4. ช่วยให้คุณมีความพร้อมสำหรับอนาคต


เพราะความแน่นอน ก็คือความไม่แน่นอน ดังนั้นการวางแผนการเงินในอนาคต เป็นการวางแผนเพื่อให้เรามีเงินเพียงพอสำหรับการใช้จ่าย การลงทุน และการเตรียมตัวสำหรับอนาคตที่อะไรก็สามารถเกิดขึ้นได้ เช่น การเปลี่ยนงาน การเปลี่ยนครอบครัว การเกิดภัยพิบัติ ฯลฯ การวางแผนที่ดีจะช่วยให้คุณสามารถรับมือกับความไม่แน่นอนและความเปลี่ยนแปลงในอนาคตได้

 

 

 

การวางแผนทางการเงินมีอะไรบ้าง


ไม่ว่าคุณจะอยู่ในช่วงวัยไหนก็ตาม การวางแผนทางการเงินที่ดี ช่วยให้คุณมีสภาพคล่องทางการเงินที่แข็งแกร่ง รวมถึงยังสามารถแสวงหาเป้าหมายทางการเงินได้อย่างมั่นใจมากขึ้น แล้ว การวางแผนทางการเงินที่ดีต้องคำนึงถึงอะไรบ้าง เพื่อให้คุณสามารถบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้
 

1. วางแผนทางการเงินเพื่อความมั่งคั่ง


เป็นการวางแผนเพื่อสร้างฐานการเงินที่มั่นคง โดยให้คุณมีเงินออม หรือเงินสำรองฉุกเฉิน เพียงพอสำหรับการใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน หรือในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉิน
 

2. วางแผนทางการเงินเพื่อการลงทุน


สร้างผลตอบแทนจากเงินของคุณ ด้วยการต่อยอดนำไปลงทุนที่เหมาะสมกับเป้าหมาย ระยะเวลา รวมถึงระดับความเสี่ยงที่คุณรับไหว
 

3. วางแผนทางการเงินเพื่อลดภาระภาษี


คุณสามารถใช้สิทธิ์หรือส่วนลดภาษีที่ได้รับตามกฎหมาย เช่น การลดหย่อนภาษีจากการประกันชีวิต การออมเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เป็นต้น
 

4. วางแผนทางการเงินเพื่อใช้ยามเกษียณ


เมื่อถึงช่วงเวลาหนึ่งที่เราต้องเกษียณอายุ ไม่ได้ทำงานแล้ว การวางแผนทางการเงินเพื่อให้คุณมีเงินใช้จ่ายในช่วงบั้นปลาย จึงมีความสำคัญอย่างมาก

 

 

 

10 ขั้นตอนการวางแผนทางการเงินสำหรับมือใหม่ เริ่มต้นอย่างไร?


แล้วเราจะออมไปเพื่อ? สำหรับมือใหม่หัดออม อาจจะยังไม่เข้าใจว่าการวางแผนทางการเงินนั้นต้องทำอย่างไร ซึ่งการวางแผนทางการเงิน มีอยู่ด้วยกัน 4 ขั้นตอน ที่ไม่ว่าจะมือใหม่หัดออม หรือ ใครก็ตามที่เริ่มแพลนเก็บเงินจริงจัง ก็สามารถนำวิธีต่อไปนี้ไปใช้ได้ เพื่อให้คุณสามารถบรรลุเป้าหมายทางการเงินที่คุณตั้งไว้
 

1. เริ่มออมทีละน้อย แล้วค่อยตั้งเป้าหมายใหญ่ขึ้น


คุณอาจจะเริ่มจากเป้าหมายเล็ก ๆ ที่มีความใกล้เคียงกับความต้องการของคุณ เช่น ออมเงินเพื่อไปเที่ยว ออมเงินเพื่อซื้อของที่ชอบ หรืออาจจะออมเงินเพื่อเอาไปปิดหนี้สิน เป็นต้น แล้วค่อยขยายไปหาเป้าหมายที่ใหญ่ขึ้น ซึ่งเป้าหมายเหล่านี้จะช่วยให้คุณมีแรงจูงใจในการออมเงิน รวมถึงช่วยให้คุณสร้างนิสัยการออมได้ คุณอาจจะตั้งเป้าหมายระยะสั้น กลาง และยาว เพื่อความชัดเจนในการปฏิบัติ เช่น
 

  • เป้าหมายระยะสั้น : ออมเงินไปเที่ยวญี่ปุ่น 50,000 บาท ใน 10 เดือน

  • เป้าหมายระยะกลาง: เงินดาวน์คอนโด 100,000 บาท ใน 20 เดือน

  • เป้าหมายระยะยาว: เกษียณอายุด้วยเงินออม 2,400,000 บาท ใน 40 ปี

     

ซึ่งการตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนจะช่วยให้คุณสามารถวางแผนการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

2. วางแผนการเงินแบบ "S-M-A-R-T Goals"


การวางแผนการเงินแบบ SMART Goals คือการตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนและมีประสิทธิภาพ โดยประกอบด้วย 5 องค์ประกอบหลัก

 

  • Specific (เฉพาะเจาะจง): ระบุเป้าหมายให้ชัด เช่น ต้องการออมเงินเท่าไร ภายในกี่เดือน
  • Measurable (วัดผลได้): ต้องมีตัวชี้วัดที่สามารถติดตามผลได้ เช่น ยอดเงินที่ออมในแต่ละเดือน
  • Achievable (บรรลุได้จริง): ตั้งเป้าที่ทำได้จริง โดยคำนึงถึงรายได้และค่าใช้จ่าย
  • Relevant (มีความเกี่ยวข้อง): เป้าหมายนั้นต้องสอดคล้องกับชีวิตและความต้องการของเรา
  • Time-bound (มีกรอบเวลา): กำหนดเวลาที่แน่นอนเพื่อบรรลุเป้าหมาย และแบ่งเป็นช่วงย่อยเพื่อติดตามความคืบหน้า
     

3. ออมเงินทันทีเมื่อมีรายรับ

เพิ่มโอกาสในการบรรลุเป้าหมายการเงินของคุณ ด้วยการออมเงินทันทีเมื่อมีรายรับ กล่าวคือ เก็บเงินออมไว้ก่อนที่จะใช้จ่ายสำหรับค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เพื่อป้องกันการใช้เงินเกินความจำเป็น ซึ่งวิธีนี้จะช่วยให้คุณมีวินัยในการเก็บเงิน และสร้างนิสัยการออมที่ดี วิธีการออมปุ๊บเก็บปั๊บ อยู่ที่คุณจะกำหนดจำนวนเงินที่ต้องการออมเท่าไหร่ เช่น 10% 20% หรือ 30% ของรายรับ
 

4. อย่ามองข้ามการทำ บัญชีรายรับรายจ่าย

คุณควรทำบันทึกรายรับและรายจ่ายเป็นประจำ เพื่อที่จะทราบว่าเงินของคุณไปไหน ใช้กับอะไร เป็นเท่าไหร่ และเหลือเท่าไหร่ การทำบัญชีรายรับรายจ่ายจะช่วยให้คุณตระหนักถึงสถานะการเงินของตัวเอง และสามารถปรับปรุงพฤติกรรมการใช้เงินได้อย่างมีประสิทธิภาพนั่นเอง ซึ่งคุณสามารถใช้โปรแกรม Excel, Google Sheets, หรือแอปพลิเคชันต่างๆ เพื่อช่วยในการบันทึกข้อมูลได้ ข้อมูลที่ควรบันทึกประกอบด้วย
 

  • รายรับ: เงินที่ได้จากการทำงาน การขายของ การลงทุน เป็นต้น
  • รายจ่าย: เงินที่ใช้จ่ายสำหรับค่าใช้จ่ายต่างๆ เช่น ค่าอาหาร ค่าเดินทาง ค่าเช่าบ้าน ค่าผ่อนหนี้ เป็นต้น
  • เงินเก็บ: เงินที่ถูกใช้เพื่อวัตถุประสงค์ต่างๆ เช่น ใช้จ่ายยามฉุกเฉิน หรือ เมื่อมีความจำเป็น
  • เงินออม: เป็นเงินสำหรับเก็บไว้เพื่อวัตถุประสงค์ในอนาคต เช่น เพื่อเกษียณอายุ ซื้อบ้าน ซื้อรถ รวมถึง การออมในรูปแบบของสินทรัพย์ที่สามารถสร้างผลตอบแทนได้ เช่น เงินฝากประจำ กองทุนรวม หุ้น เป็นต้น

 

การทำบัญชีรายรับรายจ่ายจะช่วยให้คุณสามารถวิเคราะห์และประเมินผลการใช้เงินของคุณได้ เช่น คุณสามารถดูว่าคุณมีเงินเก็บมากพอต่อการใช้จ่ายในแต่ละเดือนหรือไม่ มีเงินออมมากพอต่อการบรรลุเป้าหมายการเงินของคุณหรือเปล่า หรือมีการใช้จ่ายเกินความจำเป็นมากน้อยแค่ไหนยังไงบ้าง

 

 

5. ลงทุนตามความเสี่ยงที่รับไหว

คุณควรนำเงินที่ออมได้ไปลงทุนในสินทรัพย์ที่มีผลตอบแทนที่ดี และเหมาะกับความเสี่ยงรวมถึงเป้าหมายทางการเงินของคุณ เพื่อให้เงินของคุณเพิ่มขึ้นและไม่เสื่อมค่าไปกับเงินเฟ้อ ซึ่งการลงทุนในสิ่งที่เหมาะสม จะช่วยให้คุณสร้างกำไรจากเงินออมของคุณ และสามารถบรรลุเป้าหมายการเงินได้เร็วขึ้น แต่การลงทุนก็มีความเสี่ยงที่ต้องพิจารณาด้วย เช่น การลงทุนในหุ้น หรือพันธบัตร จะมีผลตอบแทนที่สูง แต่ก็มีความผันผวนและไม่แน่นอน ดังนั้น คุณต้องศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลก่อนการลงทุน และปรับปรุงผลการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ

 

การวางแผนทางการเงินที่ดีไม่จำเป็นต้องใช้วิธีที่ยากหรือซับซ้อน และ ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่เริ่มออมเงิน หรือ ออมมาได้สักพัก แต่อยากสร้างความมั่งคั่งทางการเงินที่มากกว่าเดิม แนะนำว่าให้เริ่มต้นตั้งแต่ตอนนี้ รวมถึงลงมือทำตามขั้นตอนที่เราได้นำเสนอ เพื่อความมั่นคงทางการเงินของคุณทั้งในปัจจุบัน ไปจนถึงอนาคต
 

6. สร้างรายได้ใหม่ๆ เสมอ


เพิ่มรายได้หลายทางช่วยให้รวยเร็วขึ้น ลองหารายได้เสริมจากธุรกิจส่วนตัว หรือลงทุนในอสังหาฯ หุ้นพื้นฐานดี เพื่อสร้างอนาคตทางการเงินที่มั่นคง แต่อย่าลืมศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุนทุกครั้ง
 

7. ลดความเสี่ยงในการใช้ชีวิต

ลดความเสี่ยงเพื่อไม่ให้แผนการเงินพัง แม้จะวางแผนดีแค่ไหน ความเสี่ยงรอบตัวก็ยังส่งผลกระทบต่อทั้งตัวคุณและครอบครัว เช่น ค่าใช้จ่ายฉุกเฉินหรือเหตุการณ์ไม่คาดคิด ควรเตรียมรับมือไว้เสมอ
 

8. แบ่งเงินออกเป็นสัดส่วน ชัดเจน


แนวทางการแบ่งเงินอย่างมีประสิทธิภาพ:

 

ใช้สูตร 50-30-20 เพื่อบริหารเงินให้สมดุล

  • 50% สำหรับ ค่าใช้จ่ายจำเป็น เช่น ค่าเช่าบ้าน ค่าอาหาร ค่าน้ำ-ไฟ ค่าเดินทาง
  • 30% สำหรับ ค่าใช้จ่ายส่วนตัว เช่น เสื้อผ้า ท่องเที่ยว ความบันเทิง
  • 20% สำหรับ เงินออมและการลงทุน เช่น เงินฉุกเฉิน เป้าหมายระยะยาว

 

ปรับสัดส่วนตามไลฟ์สไตล์หรือเป้าหมาย เช่น

  • สูตร 60-20-20: เพิ่มการใช้จ่ายจำเป็น
  • สูตร 70-20-10: เน้นออมมากขึ้น

 

 

ข้อดีของการแบ่งเงินเป็นสัดส่วน

  • ควบคุมรายจ่ายได้ดีขึ้น
  • ไม่ใช้เงินเกินตัว
  • วางแผนการเงินระยะยาวได้ชัดเจน
  • เพิ่มโอกาสบรรลุเป้าหมายทางการเงินในอนาคต

 

 

5. ลงทุนตามความเสี่ยงที่รับไหว

คุณควรนำเงินที่ออมได้ไปลงทุนในสินทรัพย์ที่มีผลตอบแทนที่ดี และเหมาะกับความเสี่ยงรวมถึงเป้าหมายทางการเงินของคุณ เพื่อให้เงินของคุณเพิ่มขึ้นและไม่เสื่อมค่าไปกับเงินเฟ้อ ซึ่งการลงทุนในสิ่งที่เหมาะสม จะช่วยให้คุณสร้างกำไรจากเงินออมของคุณ และสามารถบรรลุเป้าหมายการเงินได้เร็วขึ้น แต่การลงทุนก็มีความเสี่ยงที่ต้องพิจารณาด้วย เช่น การลงทุนในหุ้น หรือพันธบัตร จะมีผลตอบแทนที่สูง แต่ก็มีความผันผวนและไม่แน่นอน ดังนั้น คุณต้องศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลก่อนการลงทุน และปรับปรุงผลการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ

 

การวางแผนทางการเงินที่ดีไม่จำเป็นต้องใช้วิธีที่ยากหรือซับซ้อน และ ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่เริ่มออมเงิน หรือ ออมมาได้สักพัก แต่อยากสร้างความมั่งคั่งทางการเงินที่มากกว่าเดิม แนะนำว่าให้เริ่มต้นตั้งแต่ตอนนี้ รวมถึงลงมือทำตามขั้นตอนที่เราได้นำเสนอ เพื่อความมั่นคงทางการเงินของคุณทั้งในปัจจุบัน ไปจนถึงอนาคต
 

6. สร้างรายได้ใหม่ๆ เสมอ


เพิ่มรายได้หลายทางช่วยให้รวยเร็วขึ้น ลองหารายได้เสริมจากธุรกิจส่วนตัว หรือลงทุนในอสังหาฯ หุ้นพื้นฐานดี เพื่อสร้างอนาคตทางการเงินที่มั่นคง แต่อย่าลืมศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุนทุกครั้ง
 

7. ลดความเสี่ยงในการใช้ชีวิต

ลดความเสี่ยงเพื่อไม่ให้แผนการเงินพัง แม้จะวางแผนดีแค่ไหน ความเสี่ยงรอบตัวก็ยังส่งผลกระทบต่อทั้งตัวคุณและครอบครัว เช่น ค่าใช้จ่ายฉุกเฉินหรือเหตุการณ์ไม่คาดคิด ควรเตรียมรับมือไว้เสมอ
 

8. แบ่งเงินออกเป็นสัดส่วน ชัดเจน


แนวทางการแบ่งเงินอย่างมีประสิทธิภาพ:

 

ใช้สูตร 50-30-20 เพื่อบริหารเงินให้สมดุล

  • 50% สำหรับ ค่าใช้จ่ายจำเป็น เช่น ค่าเช่าบ้าน ค่าอาหาร ค่าน้ำ-ไฟ ค่าเดินทาง
  • 30% สำหรับ ค่าใช้จ่ายส่วนตัว เช่น เสื้อผ้า ท่องเที่ยว ความบันเทิง
  • 20% สำหรับ เงินออมและการลงทุน เช่น เงินฉุกเฉิน เป้าหมายระยะยาว

 

ปรับสัดส่วนตามไลฟ์สไตล์หรือเป้าหมาย เช่น

  • สูตร 60-20-20: เพิ่มการใช้จ่ายจำเป็น
  • สูตร 70-20-10: เน้นออมมากขึ้น

 

 

ข้อดีของการแบ่งเงินเป็นสัดส่วน

  • ควบคุมรายจ่ายได้ดีขึ้น
  • ไม่ใช้เงินเกินตัว
  • วางแผนการเงินระยะยาวได้ชัดเจน
  • เพิ่มโอกาสบรรลุเป้าหมายทางการเงินในอนาคต