1.คุณเข้าใจธุรกิจดีหรือไม่ ?
นอกจากจะรู้ว่าธุรกิจทำอะไรแล้ว เราต้องรู้ด้วยว่า แล้วบริษัทจะก้าวไปสู่จุดไหน จะเป็นอย่างไรในอีก 10 ปีข้างหน้า วอร์เรน บัฟเฟตต์ เคยเขียนไว้ในจดหมายถึงผู้ถือหุ้นปี 1996 ว่า “ถ้าคุณไม่เต็มใจที่จะเป็นเจ้าของหุ้นเป็นเวลา 10 ปี ก็อย่าคิดจะเป็นเจ้าของมันเป็นเวลา 10 นาที”
2. ธุรกิจมีความได้เปรียบทางการแข่งขันที่ยั่งยืนหรือไม่ ?
บัฟเฟตต์กล่าวว่า ปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการเลือกลงทุนคือการเลือกธุรกิจที่มีความได้เปรียบในการแข่งขัน โดยธุรกิจที่มีความได้เปรียบนั้นเปรียบเสมือนการมีคูน้ำอยู่ล้อมเมือง ความได้เปรียบในการแข่งขัน อาจเป็นแบรนด์ที่ทรงพลังที่ผู้คนยินดีจ่ายเสมอ ตัวอย่างเช่น Coca-Cola เป็นต้น
3. ผู้บริหารมีคุณธรรมและมีความสามารถหรือไม่ ?
บัฟเฟตต์กล่าวว่า เขามองหา 3 สิ่งในผู้บริหาร ได้แก่ ความฉลาด ความคิดริเริ่ม และความซื่อสัตย์ ซึ่งข้อที่สำคัญที่สุดคือผู้บริหารต้องมีความซื่อสัตย์ บัฟเฟตต์เคยเขียนไว้ในจดหมายถึงผู้ถือหุ้นปี 1989 ว่า “เราไม่มีทางทำข้อตกลงที่ดีกับคนที่ไม่ดีได้”
4.ราคาสมเหตุสมผลหรือไม่ ?
ในฐานะนักลงทุนเชิงรับ บัฟเฟตต์และมังเกอร์มักมองหาบริษัทที่มีราคาต่ำว่ามูลค่าที่แท้จริง หากบริษัทมีศักยภาพในการเติบโต มีรายได้สม่ำเสมอ กระแสเงินสดที่ดี และมีหนี้สินน้อย เมื่อราคาหุ้นต่ำเมื่อเทียบกับมูลค่าของบริษัท นั่นคือโอกาสในการเข้าซื้อ
อย่างไรก็ตาม ไม่ได้หมายความว่าบัฟเฟตต์และมังเกอร์จะมองหาหุ้นที่ราคาดีที่สุดอย่างเดียว เพราะหากเป็นการลงทุนระยะยาว เขามักจะมองหาบริษัทที่ดีและมีโอกาสเติบโต นั่นคือการลงทุนที่มีประสิทธิภาพ