คุณอยู่ที่

  • บทความ
  • ผลิตภัณฑ์ธนาคาร
  • ช่องทางบริการธนาคาร
  • เกี่ยวกับเรา
  • บริการช่วยเหลือ
  • ลิงก์ด่วน
ผลิตภัณฑ์ธนาคาร
เกี่ยวกับเรา
Financial Guru
Business Maker
Lifestyle Tips
ลงทุน
บริการโอนเงินระหว่างประเทศ
CIMB THAI App
ข่าวและกิจกรรม

 

ใกล้ถึงฤดูกาลยื่นแบบแสดงรายการภาษีประจำปีอีกครั้งแล้ว ใครก็ตามถือเป็น "ผู้มีรายได้" เตรียมตัวให้พร้อม ใครก็ตามที่กำลังมองหาวิธีลดหย่อนภาษี บุคคลธรรมดา บทความนี้เรามีคำตอบ มาดูกันว่าในปี 2567 ลดหย่อนภาษี มีอะไรบ้าง เพื่อที่คุณจะได้เตรียมเอกสารให้พร้อม และยื่นแบบแสดงรายการ ลดหย่อนภาษี 2568 ได้อย่างถูกต้อง

 

ทำไมการลดหย่อนภาษีจึงสำคัญ?

การลดหย่อนภาษี คือสิทธิประโยชน์ที่รัฐบาลมอบให้แก่ประชาชน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย โดยการนำค่าใช้จ่ายบางประเภทมาหักลดหย่อนจากเงินได้พึงประเมิน ทำให้ต้องชำระภาษีน้อยลง หรืออาจได้รับเงินคืนภาษี มาดูกันว่า ลดหย่อนภาษี มีอะไรบ้าง

1. สิทธิ์ลดหย่อนภาษีส่วนบุคคลและครอบครัว

การยื่นแบบแสดงรายการภาษีประจำปี ถือเป็นหน้าที่ที่ผู้มีรายได้ทุกคนต้องปฏิบัติ แต่รู้หรือไม่ว่ามีสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่คุณสามารถนำไปใช้ลดหย่อนได้อีกมากมาย โดยเฉพาะค่าลดหย่อนสำหรับส่วนบุคคลและครอบครัว ซึ่งจะช่วยลดภาระทางภาษีของคุณได้อย่างมาก 

1.ลดหย่อนสำหรับตัวเอง

  • ค่าลดหย่อนส่วนบุคคล : ทุกคนที่มีรายได้และยื่นภาษีมีสิทธิ์ลดหย่อนส่วนบุคคลได้ 60,000 บาท โดยอัตโนมัติ ไม่ว่าคุณจะมีรายได้จากงานประจำ งานอิสระ หรือธุรกิจส่วนตัว สิทธิ์นี้ถือเป็นพื้นฐานที่ช่วยลดจำนวนเงินที่ต้องเสียภาษีได้ทันที

  • ค่าลดหย่อนภาษีคู่สมรส : ลดหย่อนได้อีก 60,000 บาท หากคู่สมรสไม่มีรายได้ โดยสิทธิ์ลดหย่อนนี้จะใช้ได้ก็ต่อเมื่อเป็นคู่สมรสที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย

2.ค่าเลี้ยงดูบุตร

คุณสามารถลดหย่อนภาษีสำหรับบุตรของคุณได้ดังนี้

  • บุตรคนแรกและคนที่สองขึ้นไป: ลดหย่อนได้ 30,000 บาทต่อคน

  • บุตรคนที่สองและต่อๆ ไป : ลดหย่อนได้เพิ่มอีก 60,000 บาทต่อคน

เงื่อนไขสำคัญคือบุตรต้องมีอายุไม่เกิน 20 ปี และยังไม่ได้สมรส

3.ค่าดูแลบิดามารดา

คุณสามารถใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีได้ 30,000 บาทต่อคน สำหรับบิดามารดาของตนเองหรือของคู่สมรส โดยมีเงื่อนไขคือ บิดามารดาต้องมีอายุ 60 ปีขึ้นไป ที่มีรายได้ต่อปีไม่เกิน 30,000 บาท และผู้ยื่นภาษีต้องเป็นผู้ดูแลบิดามารดาอย่างแท้จริง

4.ลดหย่อนสำหรับผู้พิการหรือทุพพลภาพในครอบครัว

หากคุณดูแลบุคคลที่พิการหรือทุพพลภาพในครอบครัว เช่น บิดามารดา คู่สมรส หรือบุตร คุณสามารถลดหย่อนภาษีได้ 60,000 บาทต่อคน โดยมีเงื่อนไขว่า บุคคลนั้นต้องมีบัตรประจำตัวคนพิการหรือเอกสารรับรองความพิการจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และคุณต้องเป็นผู้ดูแลและรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการดูแลบุคคลนั้น

 

 

ลงทุนในกองทุนรวม ซื้อประกันชีวิต ลดหย่อนภาษีได้ไหม อย่างไรบ้าง

การลงทุน และ การซื้อประกันชีวิต เป็นวิธียอดนิยมของการ ลดหย่อนภาษี บุคคลธรรมดา เพราะนอกจากจะช่วยลดภาระทางภาษีแล้ว ยังเป็นการสร้างความมั่นคงทางการเงินในระยะยาว รวมถึงคุ้มครองชีวิตของเราและคนที่คุณรักอีกด้วย 

ลดหย่อนภาษีด้วยการลงทุนในกองทุนรวม

กองทุนรวมเป็นหนึ่งในช่องทางการลงทุนที่ได้รับความนิยม เนื่องจากมีความหลากหลายของสินทรัพย์ให้เลือก และยังสามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย กองทุนรวมที่นิยมนำมาลดหย่อนภาษี ได้แก่

1.SSF (Super Savings Fund)

กองทุนรวมเพื่อการออมระยะยาวที่ได้รับการส่งเสริมจากภาครัฐ โดยผู้ลงทุนสามารถนำเงินที่ลงทุนใน SSF มาหักลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 30% ของเงินได้พึงประเมินที่ต้องเสียภาษี แต่ไม่เกิน 200,000 บาท และเมื่อรวมกับค่าลดหย่อนการออมเพื่อเกษียณอื่นๆ ต้องไม่เกิน 500,000 บาท ซึ่งข้อดีของการลงทุนในกองทุนรวม SSF นั่นก็คือ ลดหย่อนภาษีได้สูง เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการออมเงินระยะยาว ความเสี่ยงในการลงทุนค่อนข้างหลากหลาย แต่จะมีเงื่อนไขนั่นก็คือ ต้องถือหน่วยลงทุนอย่างน้อย 10 ปี และ ผลตอบแทนขึ้นอยู่กับตลาดทุน

2.RMF (Retirement Mutual Fund)

กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับการออมเพื่อเกษียณ โดยผู้ลงทุนสามารถนำเงินที่ลงทุนใน RMF มาหักลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 30% ของรายได้ แต่ไม่เกิน 500,000 บาท โดยต้องรวมกับเงินสะสมในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (PVD) และกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) ซึ่งข้อดีของการลงทุนในกองทุนรวม RMF นั่นก็คือ เหมาะสำหรับผู้ที่วางแผนเกษียณ แต่จะมีเงื่อนไขนั่นก็คือต้องลงทุนต่อเนื่องทุกปี (ยกเว้นปีที่ไม่มีรายได้) และจะต้องถือหน่วยลงทุนจนมีอายุ 55 ปีขึ้นไป

ลดหย่อนภาษีด้วยการซื้อประกันชีวิตและสุขภาพ

นอกจากกองทุนรวมแล้ว ประกันชีวิตและสุขภาพก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ เนื่องจากนอกจากจะให้ความคุ้มครองแล้ว ยังสามารถนำเบี้ยประกันบางส่วนมาหักลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย

1.ประกันชีวิตทั่วไป

ประกันชีวิตที่ให้ความคุ้มครองชีวิต ซึ่งเบี้ยประกันบางส่วนสามารถนำมาหักลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 100,000 บาท โดยมีเงื่อนไขว่าต้องมีระยะเวลาคุ้มครองอย่างน้อย 10 ปี และ ไม่รวมประกันชีวิตประเภทเงินฝาก (เช่น ประกันชีวิตที่มีการจ่ายคืนเงินทุกปี)

2.ประกันสุขภาพ

ประกันที่ให้ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาล ซึ่งเบี้ยประกันส่วนหนึ่งสามารถนำมาหักลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 25,000 บาท แต่รวมกับค่าลดหย่อนประกันชีวิตต้องไม่เกิน 100,000 บาท ทั้งนี้เงื่อนไขเบี้ยประกันสุขภาพต้องเกี่ยวข้องกับค่ารักษาพยาบาลหรือการคุ้มครองด้านสุขภาพเท่านั้น

3.ประกันบำนาญ

ประกันที่ให้ผลตอบแทนเป็นเงินบำนาญเมื่อถึงอายุเกษียณ ซึ่งเบี้ยประกันบางส่วนสามารถนำมาหักลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 15% ของรายได้ หรือไม่เกิน 200,000 บาท โดยประกันบำนาญจะมีเงื่อนไขระยะเวลาคุ้มครองต้องไม่ต่ำกว่า 10 ปี ลดหย่อนรวมกับ RMF, PVD และกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการต้องไม่เกิน 500,000 บาท

 

ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้

นอกจากการลดหย่อนภาษีจากค่าลดหย่อนส่วนบุคคล การลงทุน และประกันชีวิตแล้ว ยังมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่สามารถลดหย่อนภาษีได้อีกหลายประเภท ซึ่งบางส่วนเป็นค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันหรือเพื่อประโยชน์ทางสังคม เช่น

1. ค่าดอกเบี้ยเงินกู้ซื้อบ้าน

สามารถลดหย่อนได้สูงสุด 100,000 บาท โดยมีเงื่อนไขว่าต้องเป็นดอกเบี้ยจากเงินกู้เพื่อซื้อ สร้าง หรือซ่อมแซมที่อยู่อาศัยเท่านั้น ผู้กู้ต้องเป็นเจ้าของบ้านหรือมีชื่อในสัญญากู้ และต้องมีหลักฐานการชำระดอกเบี้ยจากสถาบันการเงิน

2. ค่าเล่าเรียนบุตร

การสนับสนุนการศึกษาของบุตรเป็นหนึ่งในค่าใช้จ่ายที่สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 15,000 บาทต่อบุตรหนึ่งคน โดยมีเงื่อนไขว่าต้องศึกษาอยู่ในโรงเรียนหรือสถาบันการศึกษาที่ได้รับการรับรองจากกระทรวงศึกษาธิการอายุไม่เกิน 25 ปี และยังไม่ได้สมรส

3. ค่าใช้จ่ายสำหรับการบริจาค

การบริจาคเงิน นอกจากจะช่วยเหลือสังคมแล้ว ยังสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้หลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับประเภทการบริจาค โดยมีเงื่อนไขลดหย่อนได้ตามจำนวนที่บริจาคจริง แต่รวมทั้งหมดต้องไม่เกิน 10% ของรายได้หลังหักค่าลดหย่อน เช่น บริจาคให้มูลนิธิ สมาคม หรือองค์กรที่จดทะเบียนถูกต้อง การช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ

การบริจาคเพื่อการศึกษาและการสาธารณประโยชน์

ลดหย่อนได้ 2 เท่าของจำนวนเงินที่บริจาค แต่ต้องไม่เกิน 10% ของรายได้หลังหักค่าลดหย่อน เช่น บริจาคเพื่อสนับสนุนการศึกษา เช่น การสร้างห้องสมุดหรือทุนการศึกษา

 

 

ขั้นตอนการยื่น ลดหย่อนภาษี 2568

1. เตรียมเอกสารที่จำเป็น

  • หนังสือรับรองภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย (ใบ 50 ทวิ) ทั้งจากนายจ้างหรือแหล่งรายได้ต่าง ๆ

  • เอกสารเกี่ยวกับสิทธิลดหย่อนภาษี เช่น ใบเสร็จรับเงินเบี้ยประกันชีวิต เอกสารการลงทุนในกองทุน RMF/SSF ใบรับรองการบริจาค 

2.ยื่นภาษีผ่านระบบออนไลน์ของกรมสรรพากร

  • ยื่นภาษีออนไลน์ผ่านระบบ E-Filing ที่เว็บไซต์ https://efiling.rd.go.th/rd-cms 

  • ยื่นภาษีผ่านแอปพลิเคชัน RD Smart Tax (ต้องลงทะเบียนกับเว็บไซต์ของกรมสรรพากรก่อนเปิดใช้งาน)

 

วางแผนการลดหย่อนภาษี ผ่านการซื้อขายตราสารหนี้ ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย ที่คัดสรรพันธบัตรรัฐบาลและหุ้นกู้เอกชนคุณภาพดี หลากหลายให้เลือก ในทุก ๆ วัน ลงทุนในหุ้นกู้อย่างมั่นใจ โดยทีมผู้เชี่ยวชาญและพนักงานแนะนำการลงทุนเรื่องหุ้นกู้พร้อมให้คำปรึกษา ลงทุนที่ไหนเมื่อไหร่ก็ได้ผ่านแอป CIMB THAI สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่หมายเลข 02 638 8277 หรือ คลิกที่นี่ เพราะหุ้นกู้ดีดีมีได้ทุกวัน


คุณอาจสนใจ