คุณอยู่ที่

  • บทความ
  • ผลิตภัณฑ์ธนาคาร
  • ช่องทางบริการธนาคาร
  • เกี่ยวกับเรา
  • บริการช่วยเหลือ
  • ลิงก์ด่วน
ผลิตภัณฑ์ธนาคาร
เกี่ยวกับเรา
Financial Guru
Business Maker
Lifestyle Tips
ลงทุน
บริการโอนเงินระหว่างประเทศ
CIMB THAI App
ข่าวและกิจกรรม

 

กองทุนรวม SSF RMF คือ รูปแบบการลงทุนที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์สำหรับนักลงทุนที่ต้องการทั้งผลตอบแทนและสิทธิประโยชน์ทางภาษี แต่การจะลงทุนให้ได้ผลตอบแทนที่ดีนั้น จำเป็นต้องมีการวางแผนที่เหมาะสม รวมถึงการเลือกกองทุนที่สอดคล้องกับเป้าหมายการเงินของแต่ละบุคคล บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับกองทุนรวม คืออะไร ผลตอบแทนเป็นอย่างไร เพื่อให้คุณสามารถลงทุนได้อย่างมั่นใจ ได้ผลตอบแทนที่ดี

 

กองทุนรวมคืออะไร?

กองทุนรวม คือ การรวบรวมเงินจากนักลงทุนหลายรายเพื่อซื้อหลักทรัพย์ เช่น หุ้น พันธบัตร สินทรัพย์อื่น ๆ มารวมเป็นเงินลงทุนก้อนใหญ่ โดยมี “ผู้จัดการกองทุน” ทำหน้าที่บริหาร เพื่อนำไปลงทุนในสินทรัพย์ต่าง ๆ โดยนักลงทุนสามารถเลือกลงทุนในกองทุนรวมตามนโยบายที่ตนเองสนใจ

 

ข้อดีของการลงทุนในกองทุนรวมคือ สามารถเลือกลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลาย ตามระดับความเสี่ยงที่เรารับไหว มีเงินน้อยก็ลงทุนได้ มีผู้จัดการกองทุนคอยดูแลบริหารเงินลงทุนให้ ช่วยเพิ่มโอกาสให้เราได้รับผลตอบแทนมากขึ้น อีกทั้งยังสามารถทยอยลงทุนแบบเป็นประจำในจำนวนเงินที่เท่ากันทุกเดือน

 

กองทุนรวม ผลตอบแทน จะมาจาก ส่วนแบ่งกําไรจากการขายหน่วยลงทุน หรือที่เรียกว่า “เงินปันผล” กรณีที่กองทุนรวมนั้นมีนโยบายจ่ายเงินปันผล และ ผลกำไรส่วนต่างจากราคาหลักทรัพย์ (Capital Gain/Loss)

 

ทำความรู้จักกับกองทุนรวมแต่ละประเภท

การลงทุนใน กองทุนรวม มีให้เลือกมากมาย ขึ้นอยู่กับสินทรัพย์ นโยบายของแต่ละกองทุน โดยกองทุนรวมแต่ละประเภทก็มักมีความเสี่ยงที่ต่างกันไป มาดูกันว่ากองทุนรวมแต่ละประเภทมีอะไรบ้าง

1. กองทุนรวม RMF (Retirement Mutual Fund)

RMF คือ กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ ที่ส่งเสริมการออมเงินในระยะยาว เตรียมพร้อมสำหรับการเกษียณอายุและมีสิทธิลดหย่อนภาษีได้ RMF สามารถลงทุนได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น ตราสารหนี้ หุ้นทั้งในและต่างประเทศ ทรัพย์สินทางเลือก ฯลฯ โดยมีเงื่อนไขหลักก็คือ จะต้องลงทุนอย่างน้อย 5 ปี นับตั้งแต่วันที่ซื้อครั้งแรก โดยจะต้องซื้อต่อเนื่องทุกปี หรืออย่างน้อยปีเว้นปี และสามารถไถ่ถอนหน่วยลงทุนได้ต่อเมื่อมีอายุครบ 55 ปี บริบูรณ์

2. กองทุนรวม SSF (Super Saving Funds)

SSF คือ กองทุนเพื่อการออมระยะยาวที่ให้สิทธิลดหย่อนภาษี SSF สามารถลงทุนในสินทรัพย์ได้หลากหลายประเภทเหมือนกองทุนรวมทั่วไป ไม่ว่าจะเป็น การลงทุนในตลาดเงิน กองทุนดัชนี ตราสารหนี้ ฯลฯ โดยมีเงื่อนไขหลักก็คือ จะต้องถือหน่วยลงทุนไม่ต่ำกว่า 10 ปีนับจากวันที่ซื้อ แต่ไม่จำเป็นต้องซื้อต่อเนื่องทุกปี เมื่อครบกำหนดถือครองสามารถไถ่ถอนได้

3. กองทุนรวมตราสารหนี้ (Fixed Income Fund)

สำหรับมือใหม่หัดลงทุน หรือนักลงทุนคนไหนที่สามารถรับความเสี่ยงในระดับปานกลางค่อนข้างต่ำ การลงทุนในกองทุนรวมตราสารหนี้ ถือเป็นตัวเลือกที่ดี ตราสารหนี้มีหลายรูปแบบ อาทิ พันธบัตรรัฐบาล ตั๋วเงินคลัง ตั๋วแลกเงิน และหุ้นกู้ของภาคเอกชน ผลตอบแทนที่กองทุนได้ร้บจากการลงทุนส่วนใหญ่เป็นดอกเบี้ย

4. กองทุนรวมตลาดเงิน (Money Market Fund)

เป็นการลงทุนระยะสั้นที่เหมาะสำหรับเป็นที่พักเงินชั่วคราว เน้นลงทุนในเงินฝาก และตราสารหนี้คุณภาพดีที่มีอายุคงเหลือต่ำกว่า 1 ปี เป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงต่ำที่สุด แต่ได้รับผลตอบแทนน้อยที่สุด

5. กองทุนรวมที่ลงทุนในทรัพย์สินทางเลือก (Alternative Investment)

การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ น้ำมันดิบ รวมถึง ทองคำ ถือเป็นกองทุนรวมที่มีความเสี่ยงสูงมาก เนื่องจากทรัพยสินที่ลงทุนไปอาจมีความผันผวนของราคา ก่อนตัดสินใจลงทุนกับทรัพย์สินทางเลือก ควรมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับทรัพย์สินที่เราลงทุนด้วย

 

 

ลงทุนในกองทุนรวม SSF และ RMF อย่างไรให้ได้ผลตอบแทนที่ดี

บทความนี้ขอเน้นไปที่ SSF และ RMF สองรูปแบบการลงทุนนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่ทางเลือกในการออมเพื่ออนาคต แต่ยังเป็นโอกาสที่ดีในการสร้างผลตอบแทนระยะยาว พร้อมกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในปัจจุบัน มาดูกันว่าหากคุณต้องการเริ่มต้นลงทุนในกองทุนในกองทุนรวม SSF และ RMF อย่างมีประสิทธิภาพและได้ผลตอบแทนที่ดี ควรทำอย่างไร

1.ทำความเข้าใจกองทุน SSF และ RMF  

กองทุน SSF และ RMF เป็นกองทุนรวมที่เน้นการลงทุนระยะยาว โดยมีเงื่อนไขและเป้าหมายที่แตกต่างกันดังนี้  

  • SSF : เน้นส่งเสริมการออมเพื่ออนาคต พร้อมลดหย่อนภาษี เงื่อนไขคือต้องถือครองกองทุนอย่างน้อย 10 ปี  

  • RMF : ออกแบบเพื่อการเกษียณอายุ เน้นการลงทุนในระยะยาวและลดหย่อนภาษี โดยต้องลงทุนอย่างต่อเนื่องทุกปีและถือครองถึงอายุ 55 ปี  

2.กำหนดเป้าหมายการลงทุน  

ก่อนเริ่มต้นลงทุน คุณควรตั้งคำถามกับตัวเองว่าเป้าหมายของการลงทุนคืออะไร เช่น การสร้างความมั่นคงหลังเกษียณ การออมเพื่ออนาคต หรือการเพิ่มพูนทรัพย์สิน การมีเป้าหมายที่ชัดเจนจะช่วยให้คุณเลือกกองทุนที่เหมาะสมกับความต้องการได้ดียิ่งขึ้น  

3.วางแผนการลงทุน  

  • ศึกษานโยบายการลงทุนของกองทุน : เลือกกองทุนที่มีนโยบายสอดคล้องกับความเสี่ยงที่คุณยอมรับได้ เช่น กองทุนหุ้น (High Risk, High Return) หรือกองทุนตราสารหนี้ (Low Risk, Lower Return)  

  • ลงทุนแบบกระจายความเสี่ยง : กล่าวคือ ไม่ควรลงทุนในกองทุนเดียวหรือประเภทเดียวทั้งหมด การกระจายการลงทุนจะช่วยลดความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาด  

4.เลือกกองทุนที่เหมาะสม  

การเลือกกองทุนที่ดีควรพิจารณาจาก ผลการดำเนินงานย้อนหลังของกองทุน ทีมผู้จัดการกองทุนที่มีประสบการณ์ การจัดอันดับกองทุนจากหน่วยงานที่เชื่อถือได้  

5.ติดตามและปรับพอร์ตการลงทุน 

ตลาดการเงินมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา คุณควรติดตามผลการดำเนินงานของกองทุนอย่างสม่ำเสมอ และปรับพอร์ตการลงทุนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน เช่น หากตลาดหุ้นมีความผันผวน อาจลดสัดส่วนการลงทุนในกองทุนหุ้นและเพิ่มการลงทุนในกองทุนตราสารหนี้แทน  

6.ใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีให้เต็มที่  

  • SSF : ใช้ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 30% ของรายได้ที่ต้องเสียภาษี แต่ไม่เกิน 200,000 บาท  

  • RMF : ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 30% ของรายได้ที่ต้องเสียภาษี แต่ไม่เกิน 500,000 บาท โดยรวมกับสิทธิอื่น ๆ เช่น กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ  

 

การลงทุนในกองทุนรวม SSF และ RMF เป็นการลงทุนระยะยาวที่ช่วยสร้างความมั่นคงทางการเงิน พร้อมลดหย่อนภาษีได้อย่างมีประสิทธิภาพ การลงทุนให้ได้ผลตอบแทนที่ดีต้องอาศัยการวางแผนที่ดี ศึกษาข้อมูลกองทุนอย่างละเอียด  เมื่อคุณเริ่มต้นด้วยความรู้และความเข้าใจ โอกาสในการบรรลุเป้าหมายทางการเงินก็อยู่ใกล้แค่เอื้อม! 

 

 

เพิ่มโอกาสในการสร้าง Passive Income ผ่านบริการซื้อขายตราสารหนี้ ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย ที่คัดสรรพันธบัตรรัฐบาลและหุ้นกู้เอกชนคุณภาพดี หลากหลายให้เลือก ในทุก ๆ วัน ลงทุนในหุ้นกู้อย่างมั่นใจ โดยทีมผู้เชี่ยวชาญและพนักงานแนะนำการลงทุนเรื่องหุ้นกู้พร้อมให้คำปรึกษา ลงทุนที่ไหนเมื่อไหร่ก็ได้ผ่านแอป CIMB THAI สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่หมายเลข 02 638 8277 หรือ คลิกที่นี่ เพราะหุ้นกู้ดีดีมีได้ทุกวัน


คุณอาจสนใจ