คุณอยู่ที่

  • บทความ
  • ผลิตภัณฑ์ธนาคาร
  • ช่องทางบริการธนาคาร
  • เกี่ยวกับเรา
  • บริการช่วยเหลือ
  • ลิงก์ด่วน
ผลิตภัณฑ์ธนาคาร
เกี่ยวกับเรา
Financial Guru
Business Maker
Lifestyle Tips
ลงทุน
บริการโอนเงินระหว่างประเทศ
CIMB THAI App
ข่าวและกิจกรรม

 

สำหรับผู้ที่เริ่มทำงานและต้องยื่นภาษีครั้งแรก อาจรู้สึกสับสนและไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไร ต้องบอกว่าการยื่นภาษีเป็นหน้าที่ของทุกคนที่มีรายได้ และยิ่งเดี๋ยวนี้เราสามารถยื่นภาษีออนไลน์ได้ทั้งง่าย และ สะดวก บทความนี้เราจะมาพูดถึงขั้นตอนเบื้องต้นสำหรับการยื่นภาษีครั้งแรก เงินเดือนเท่าไหร่เสียภาษี แล้วถ้าในกรณีที่เงินเดือนไม่ถึง ต้องยื่นภาษีไหม

 

เงินเดือนเท่าไหร่เสียภาษี

การเสียภาษีรายได้บุคคลธรรมดา ถือเป็นหน้าที่ที่สำคัญสำหรับทุกคนที่มีรายได้ การรู้ว่าเงินเดือนเท่าไหร่ที่ต้องเสียภาษีจะช่วยให้คุณวางแผนการเงินและเข้าใจสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ที่สามารถลดหย่อนได้อย่างเหมาะสม เนื่องจากแต่ละบุคคลต่างก็มีรายได้ที่แตกต่างกันออกไป 

เกณฑ์รายได้ขั้นต่ำที่ต้องเสียภาษี

การพิจารณาว่าเงินเดือนเท่าไหร่ที่ต้องเสียภาษีขึ้นอยู่กับเกณฑ์รายได้ขั้นต่ำตามที่กรมสรรพากรกำหนด ดังนี้

  • พนักงานที่มีรายได้จากเงินเดือนอย่างเดียว : จะต้องยื่นภาษีหากมีรายได้รวมตลอดทั้งปีตั้งแต่ 120,000 บาทขึ้นไป หรือคิดเป็นประมาณ 10,000 บาทต่อเดือน

  • บุคคลที่มีรายได้จากแหล่งอื่น ๆ (เช่น ค่าจ้าง รายได้จากการทำธุรกิจ ฯลฯ) : หากมีรายได้รวมทั้งปีตั้งแต่ 60,000 บาทขึ้นไป จะต้องยื่นภาษี

  • ผู้ที่มีรายได้ทั้งจากเงินเดือนและรายได้อื่น ๆ : หากรวมรายได้ทั้งหมดในปีนั้นเกิน 120,000 บาท จะต้องยื่นภาษีเช่นกัน

เงินเดือนไม่ถึง ต้องยื่นภาษีไหม

กรณีที่รายได้ต่อเดือนไม่ถึง 15,000 บาท กรมสรรพากรได้กำหนดให้ผู้ที่มีเงินได้ "ต้องยื่นแบบแสดงรายได้" แม้จะมีรายได้ไม่ถึงเกณฑ์ แต่ไม่ต้องเสียภาษี และ กรมสรรพากรได้ระบุถึงผู้ที่มีสถานะต่อไปนี้ต้องยื่นภาษี นั่นก็คือ

1. คนโสดที่มีเงินได้เกิน 120,000 บาท ต่อปี

หากได้รับเงินเดือนหรือค่าจ้างแบบไม่มีรายได้อื่นตลอดทั้งปีเกิน 120,000 บาท อันนี้รวมถึงเบี้ยเลี้ยง โบนัส ตามมาตรา 40 (1) ด้วยนะ กรณีนี้ต้องยื่นภาษี แม้ว่าคำนวณภาษีแล้วไม่มีภาษีที่ต้องชำระเพิ่มก็ตาม เช่นเดียวกันกับผู้ที่มีรายได้ตามมาตรา 40 (1) และยังมีเงินได้จากการขายของออนไลน์, รายได้จากเงินปันผลกองทุนรวม เกิน 60,000 บาท ก็ต้องยื่นภาษี

2. คู่สมรสที่มีเงินได้เกิน 220,000 บาทต่อปี

กรณีที่ได้รับเงินค่าจ้างตามมาตรา 40 (1) นั่นก็คือเงินเดือนหรือค่าจ้าง รวมทั้งเบี้ยเลี้ยง โบนัส และเป็นเงินได้เพียงประเภทเดียว เกิน 220,000 บาทต่อปี จำเป็นต้องยื่นภาษี กรณีไม่มีค่าจ้างหรือเงินเดือน แต่มีเงินได้ประเภทอื่น อาทิ เงินปันผลกองทุนรวม เงินจากการขายของออนไลน์ เกิน 120,000 บาท ก็ต้องยื่นภาษี

 

 

วิธีการคำนวณภาษีเบื้องต้น

เมื่อรายได้ถึงเกณฑ์ที่ต้องเสียภาษี คุณสามารถคำนวณภาษีคร่าว ๆ ได้โดยใช้ขั้นตอนดังนี้

1.คำนวณรายได้รวม

ไม่ว่าจะเป็นเงินเดือน โบนัส หรือรายได้เสริมอื่น ๆ

2.หักค่าลดหย่อนต่าง ๆ

เช่น ค่าลดหย่อนส่วนตัว (60,000 บาท), ค่าลดหย่อนคู่สมรส, ค่าลดหย่อนบุตร, เบี้ยประกันชีวิต, เบี้ยประกันสุขภาพ, กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF), กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (SSF), และอื่น ๆ ที่สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้

3.คำนวณภาษีตามอัตราภาษีขั้นบันได

หลังจากหักค่าลดหย่อนเรียบร้อยแล้ว จะเหลือเป็น “เงินได้สุทธิ” ซึ่งจะนำมาคำนวณภาษีตามอัตราภาษีขั้นบันไดที่กรมสรรพากรกำหนด (0-35%)

  • รายได้สุทธิไม่เกิน 150,000 บาท ไม่ต้องเสียภาษี

  • รายได้สุทธิตั้งแต่ 150,001 บาท - 300,000 บาท อัตราภาษีจะอยู่ที่ 5%

  • รายได้สุทธิตั้งแต่ 300,001 บาท - 500,000 บาท อัตราภาษีจะอยู่ที่ 10%

  • รายได้สุทธิตั้งแต่ 500,001 บาท - 750,000 บาท อัตราภาษีจะอยู่ที่ 15%

  • รายได้สุทธิตั้งแต่ 750,001 บาท - 1,000,000 บาท อัตราภาษีจะอยู่ที่ 20%

  • รายได้สุทธิตั้งแต่ 1,000,001 บาท - 2,000,000 บาท อัตราภาษีจะอยู่ที่ 25%

  • รายได้สุทธิตั้งแต่ 2,000,001 บาท - 5,000,000 บาท อัตราภาษีจะอยู่ที่ 30%

  • รายได้สุทธิตั้งแต่ 5,000,001 บาทขึ้นไป อัตราภาษีจะอยู่ที่ 35%

 

ยื่นภาษีครั้งแรก ใช้เอกสารอะไรบ้าง

มาถึงขั้นตอนของการยื่นภาษี หลายคนอาจสงสัยว่าต้องเตรียมเอกสารอะไรบ้างและขั้นตอนการยื่นภาษีต้องทำยังไง

1. การยื่นภาษีเงินได้จากเงินเดือน (ภ.ง.ด. 91)

สำหรับภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา จะมี 2 แบบด้วยกัน นั่นก็คือ

  • ภ.ง.ด.90 สำหรับผู้ที่มีรายได้นอกเหนือจากเงินเดือนที่ได้รับ เช่น เงินปันผล หรือการค้าขายแบบบุคคลธรรมดา

  • ภ.ง.ด. 91 สำหรับผู้ที่มีรายได้เป็นเงินเดือนเพียงอย่างเดียว ไม่มีรายได้เสริม เช่น พนักงานบริษัท

เอกสารที่ต้องเตรียมมีดังนี้

1.1 หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย (50 ทวิ)

เป็นเอกสารที่แสดงจำนวนเงินที่นายจ้างหักภาษี ณ ที่จ่ายจากเงินเดือนของพนักงาน โดยหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย (50 ทวิ) สามารถใช้ยื่นภาษีได้ทั้งแบบกระดาษและแบบออนไลน์

1.2 เอกสารที่เกี่ยวข้องกับการลดหย่อนภาษี

อาทิเช่น ค่าลดหย่อนส่วนตัว ค่าลดหย่อนคู่สมรส ค่าลดหย่อนบุตร ค่าลดหย่อนบิดามารดา ค่าลดหย่อนกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ค่าลดหย่อนอื่นๆ เช่น ค่าเบี้ยประกันชีวิต ค่าบริจาค เป็นต้น

2. การยื่นภาษีเงินได้สำหรับฟรีแลนซ์ (ภ.ง.ด. 90)

สำหรับผู้ที่มีรายได้จากการประกอบวิชาชีพอิสระ เช่น นักเขียน นักแปล นักออกแบบ ฯลฯ จะต้องยื่นภาษีด้วยแบบฟอร์ม ภ.ง.ด. 90 โดยเอกสารที่ต้องเตรียมมีดังนี้

2.1 หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย (50 ทวิ) จากผู้ว่าจ้าง (ถ้ามี)

สำหรับใครก็ตามที่เป็นพนักงานฟรีแลนซ์ที่เงินค่าจ้างเกิน 1,000 บาท ขึ้นไป อย่าลืมขอหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย จากนายจ้างได้ กรณีที่ค่าจ้างต่ำกว่า 1,000 บาท อาจจะเก็บหลักฐานเป็นสลิปการโอนเงิน เนื่องจากจะต้องนำมาคิดรวมเป็นเงินได้พึงประเมิน สำหรับใช้คำนวณเงินได้สุทธิ โดยสูตรการคิดเงินได้สุทธิมาจาก "เงินได้สุทธิ = เงินได้พึงประเมิน – ค่าใช้จ่าย – ค่าลดหย่อน"

2.2 เอกสารที่เกี่ยวข้องกับการลดหย่อนภาษี

ฟรีแลนซ์ สามารถลดหย่อนภาษีจากการซื้อสินค้าและบริการ โดยใช้ใบกำกับภาษีที่ได้จากร้านค้านำมาเป็นหลักฐานในการลดหย่อนภาษี, ลดหย่อนภาษีจากการทำประกัน การลงทุน

 

 

หากคุณกำลังมองหาการลงทุนที่สามารถลดหย่อนภาษีได้ ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย ขอแนะนำตัวเลือกในการลงทุนให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี ได้แก่ กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) และ กองทุนรวมเพื่อส่งเสริมการออมระยะยาว (SSF) ดูรายละเอียดการลงทุนเพิ่มเติม คลิกที่นี่

 


คุณอาจสนใจ