คุณอยู่ที่

  • บทความ
  • ผลิตภัณฑ์ธนาคาร
  • ช่องทางบริการธนาคาร
  • เกี่ยวกับเรา
  • บริการช่วยเหลือ
  • ลิงก์ด่วน
ผลิตภัณฑ์ธนาคาร
เกี่ยวกับเรา
Financial Guru
Business Maker
Lifestyle Tips
ลงทุน
บริการโอนเงินระหว่างประเทศ
CIMB THAI App
ข่าวและกิจกรรม

 

ถ้าพูดถึงสินเชื่อบ้าน เรามักจะได้ยิน 2 คำนี้นั่นก็คือ รีไฟแนนซ์ กับ Retention แต่หลายคนยังคงสับสนว่าทั้งสองอย่างนี้แตกต่างกันอย่างไร และอันไหนเหมาะสมกับตัวเองมากกว่ากัน บทความนี้ เราจะมาพูดถึงข้อดีของการรีไฟแนนซ์ คืออะไร มีอะไรบ้าง ต่างจาก Retention อย่างไร

 

รีไฟแนนซ์ คืออะไร

รีไฟแนนซ์ คือ การกู้เงินก้อนใหม่เพื่อชำระหนี้สินเดิม โดยมักจะมีอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่า หรือเงื่อนไขที่ดีกว่า ซึ่งช่วยให้เจ้าของบ้านสามารถลดภาระการชำระเงินรายเดือน หรือปรับระยะเวลาการชำระหนี้ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ทางการเงินในปัจจุบัน

รีไฟแนนซ์บ้านดียังไง

  • ลดภาระดอกเบี้ย : โดยทั่วไปแล้ว อัตราดอกเบี้ยที่เสนอโดยธนาคารใหม่มักจะต่ำกว่าดอกเบี้ยปัจจุบันของคุณ โดยเฉพาะในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยตลาดลดลง ส่งผลให้คุณสามารถลดภาระดอกเบี้ยรวมตลอดระยะเวลากู้ได้

  • ลดระยะเวลาการผ่อนชำระ : ด้วยอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลง คุณสามารถเลือกที่จะลดระยะเวลาผ่อนชำระได้ ทำให้คุณสามารถปลดภาระหนี้สินได้เร็วขึ้น

  • เพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน : หากคุณต้องการผ่อนต่อเดือนที่น้อยลง การรีไฟแนนซ์ยังสามารถช่วยให้คุณมีเงินสดเหลือใช้เพื่อใช้ในการลงทุน หรือวางแผนทางการเงินในด้านอื่น ๆ

ถ้าอธิบายให้เข้าใจได้ง่าย ๆ รีไฟแนนซ์ คือ การย้ายไปผ่อนกับธนาคารใหม่ เพื่อนำเงินที่กู้ใหม่มาชำระหนี้เดิม ซึ่งเหตุผลหลัก ๆ ของการรีไฟแนนซ์ก็คือเพื่อให้ได้รับอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลง ลดค่างวดที่ต้องจ่ายต่อเดือน หรือเพิ่มระยะเวลาในการผ่อนให้นานขึ้น แล้วแต่จะเลือกให้เหมาะตามความสามารถในการผ่อนชำระของแต่ละคน 

แล้วเราสามารถ รีไฟแนนซ์บ้านกับธนาคารเดิมได้ไหม

หลังจากที่เราผ่อนบ้านหรือคอนโดที่ซื้อมาจนครบกำหนดสัญญา ซึ่งอาจจะเป็นช่วง 3 ปีแรกที่เป็นช่วงโปรโมชั่นดอกเบี้ยบ้านถูก แต่หลังจากนี้ดอกเบี้ยบ้านที่เราผ่อนอยู่ปรับเพิ่มขึ้น หลายคนอาจจะมองหาวิธีการขอลดอัตราดอกเบี้ย การรีไฟแนนซ์บ้านกับธนาคารเดิม อาจจะเป็นทางเลือกในการลดเงินผ่อนที่ดี แต่เราสามารถรีไฟแนนซ์บ้านกับธนาคารเดิมได้ไหม คำตอบคือ สามารถทำได้ โดยวิธีนี้เรียกว่า รีเทนชั่น (Retention) เป็นขั้นตอนที่ง่ายมากเพราะเราจะไม่ต้องเสียเวลายื่นเอกสารเตรียมแค่สัญญาเงินกู้ ทะเบียนบ้าน และบัตรประชาชน มีค่าใช้จ่ายเพียงแค่ค่าธรรมเนียมสินเชื่อ 1-2% ของวงเงินกู้ ระยะเวลาในการอนุมัติรวดเร็ว แต่ก็มีข้อเสียนั่นก็คืออัตราดอกเบี้ยลดไม่มากและเป็นไปตามเงื่อนไขที่ธนาคารกำหนด และต้องทำเรื่องที่สาขาเดิมที่คุณเคยไปยื่นขอสินเชื่อไว้ตั้งแต่แรก

 

 

รีไฟแนนซ์เสียค่าอะไรบ้าง

แม้การรีไฟแนนซ์บ้านจะช่วยให้คุณลดภาระดอกเบี้ยและปรับแผนการเงินได้อย่างเหมาะสม แต่ก็มีค่าใช้จ่ายหลายอื่น ๆ ที่ควรรู้ มาดูกันว่า รีไฟแนนซ์เสียค่าอะไรบ้าง

1. ค่าธรรมเนียมการกู้เงินใหม่

ค่าธรรมเนียมการกู้เงินใหม่เป็นค่าใช้จ่ายที่เรียกเก็บจากธนาคารใหม่ที่คุณทำการรีไฟแนนซ์ด้วย ค่าธรรมเนียมนี้บางครั้งเรียกว่า “ค่าธรรมเนียมการยื่นกู้” หรือ “ค่าธรรมเนียมอนุมัติสินเชื่อ” และจะขึ้นอยู่กับวงเงินสินเชื่อที่ขอใหม่ ซึ่งโดยทั่วไปคิดเป็นเปอร์เซ็นต์จากจำนวนเงินที่ขออนุมัติ เช่น 0.5-1% ของวงเงินกู้ โดยค่าธรรมเนียมนี้อาจมีขั้นต่ำหรือสูงสุดที่ธนาคารกำหนดไว้

 

ยกตัวอย่างเช่น ถ้าหากขอสินเชื่อ 1,000,000 บาท และธนาคารเรียกเก็บค่าธรรมเนียม 0.5% คุณจะต้องจ่าย 5,000 บาท เป็นค่าธรรมเนียมการกู้เงินใหม่

2. ค่าประเมินราคาอสังหาริมทรัพย์

ในการรีไฟแนนซ์บ้าน ธนาคารจะต้องทำการประเมินมูลค่าทรัพย์สินอีกครั้งเพื่อตรวจสอบมูลค่าตลาดของบ้านและหลักประกันที่คุณใช้ในการขอสินเชื่อ ซึ่งค่าประเมินนี้เป็นอีกหนึ่งค่าใช้จ่ายที่ผู้กู้ต้องจ่าย โดยอัตราค่าประเมินจะแตกต่างกันไปตามธนาคารและประเภทของทรัพย์สิน

3. ค่าประกันภัย

ค่าประกันภัยในการรีไฟแนนซ์บ้านมักประกอบไปด้วยการประกันสองประเภทหลัก ได้แก่

ค่าประกันอัคคีภัย (Fire Insurance)

ธนาคารจะกำหนดให้ผู้กู้ต้องทำประกันอัคคีภัยเพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับบ้าน โดยค่าเบี้ยประกันนี้จะคำนวณตามมูลค่าของทรัพย์สิน ซึ่งโดยทั่วไปอยู่ที่ประมาณหลักพันบาทขึ้นไปต่อปี ขึ้นอยู่กับขนาดและมูลค่าบ้าน

ค่าประกันสินเชื่อ (MRTA/MLTA)

สำหรับผู้ที่ต้องการความคุ้มครองเพิ่มเติม บางธนาคารอาจเสนอให้ผู้กู้ทำประกันชีวิตผู้กู้สินเชื่อ (Mortgage Reducing Term Assurance - MRTA หรือ Mortgage Level Term Assurance - MLTA) ซึ่งเป็นการประกันสินเชื่อที่ครอบคลุมการชำระหนี้ในกรณีที่ผู้กู้เกิดเหตุไม่คาดฝัน ทำให้ทายาทหรือครอบครัวไม่ต้องรับภาระหนี้สิน โดยค่าเบี้ยประกันนี้จะขึ้นอยู่กับอายุผู้กู้และวงเงินกู้ 

 

การทำ Retention คืออะไร?

Retention คือ การเจรจากับธนาคารเดิมเพื่อปรับลดอัตราดอกเบี้ยโดยไม่ต้องย้ายสินเชื่อไปยังธนาคารใหม่ เป็นทางเลือกที่สะดวกสำหรับเจ้าของบ้านที่ไม่ต้องการย้ายธนาคาร ซึ่งสามารถทำได้ง่ายและมีค่าใช้จ่ายน้อยกว่าการรีไฟแนนซ์ ข้อดีของ Retention มีดังนี้

  • ลดความยุ่งยากในขั้นตอนการดำเนินการ : ไม่ต้องมีการประเมินหลักทรัพย์ใหม่หรือจดจำนองใหม่กับธนาคารใหม่ ซึ่งทำให้ประหยัดทั้งเวลาและค่าใช้จ่าย

  • ลดค่าใช้จ่าย : การทำ Retention มักมีค่าใช้จ่ายน้อยหรือไม่มีเลย ซึ่งต่างจากการรีไฟแนนซ์ที่มักมีค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง เช่น ค่าธรรมเนียมจดจำนองใหม่ เป็นต้น

  • สะดวกและรวดเร็ว : การทำ Retention สามารถทำได้รวดเร็วกว่าเพราะยังคงใช้ธนาคารเดิม ซึ่งอาจใช้เวลาเพียงไม่กี่วันในการปรับอัตราดอกเบี้ยหรือเงื่อนไขใหม่

ควรเลือก รีไฟแนนซ์ หรือ Retention ดี?

การตัดสินใจว่าจะเลือก รีไฟแนนซ์ หรือ Retention ดีนั้น ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น อัตราดอกเบี้ยที่เสนอมา เงื่อนไขของแต่ละธนาคาร และความต้องการส่วนบุคคลของคุณเอง ก่อนตัดสินใจ ควรเปรียบเทียบข้อเสนอจากหลายๆ ธนาคาร และปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินเพื่อหาทางเลือกที่ดีที่สุด

 

 

ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นการ รีไฟแนนซ์ กับ Retention ล้วนเป็นรูปแบบการช่วยให้คุณลดภาระทางการเงินได้ หากคุณกำลังพิจารณาที่จะปรับโครงสร้างสินเชื่อบ้าน ควรศึกษาข้อมูลให้ละเอียด เปรียบเทียบข้อเสนอจากหลาย ๆ ทางเลือก และปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อหาทางเลือกที่เหมาะสมกับตัวคุณมากที่สุด

 

สำหรับใครที่อยากมีบ้านเป็นของตัวเอง หรือต้องการรีไฟแนนซ์บ้าน ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย ผลิตภัณฑ์ สินเชื่อบ้านที่หลากหลาย ตอบโจทย์ความต้องการของคุณ กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ทาง CIMB Thai Care Center 02 626 7777 หรือ คลิกที่นี่


คุณอาจสนใจ