ประเภทของตราสารหนี้มีอะไรบ้าง
ตราสารหนี้ อีกหนึ่งทางเลือกในการสร้างความมั่งคั่งทางการเงิน รวมถึงเป็นการช่วยกระจายความเสี่ยงให้กับพอร์ตการลงทุนอีกด้วย และนี่คือประเภทของตราสารหนี้ ที่แตกต่างกันในแง่ของผลตอบแทน ระยะเวลา และความเสี่ยง มาดูกันว่าตราสารหนี้มีอะไรบ้าง
1.ตราสารหนี้ภาครัฐ
เป็นตราสารที่ออกโดยรัฐบาลหรือองค์กรของรัฐ เพื่อนำเงินไปใช้ในโครงการหรือพัฒนางานของประเทศ ตราสารหนี้ภาครัฐได้รับความเชื่อมั่นสูง เนื่องจากมีความเสี่ยงต่ำ ผู้ลงทุนมั่นใจได้ว่ารัฐบาลจะมีความสามารถในการชำระหนี้ได้ เช่น
พันธบัตรรัฐบาล (Government Bonds): มีอายุตั้งแต่ระยะกลางถึงระยะยาว มักมีอายุ 5-30 ปี โดยรัฐบาลจะจ่ายดอกเบี้ยให้ผู้ถือพันธบัตรเป็นรายปีหรือรายครึ่งปี
ตั๋วเงินคลัง (Treasury Bills): เป็นตราสารหนี้ระยะสั้นของรัฐบาลที่มีอายุไม่เกิน 1 ปี ตั๋วเงินคลังจะออกในราคาต่ำกว่ามูลค่าที่ระบุและไม่มีการจ่ายดอกเบี้ย แต่ผู้ลงทุนจะได้รับกำไรเมื่อครบกำหนดจากส่วนต่างของราคาซื้อและมูลค่าเต็ม
2. ตราสารหนี้เอกชน
ตราสารหนี้เอกชนคือ ตราสารหนี้ที่ออกโดยบริษัทเอกชนเพื่อระดมทุนมาใช้ในการขยายธุรกิจหรือลงทุนในโครงการต่าง ๆ ตราสารหนี้เอกชนมีความเสี่ยงสูงกว่าตราสารหนี้ภาครัฐ และอัตราดอกเบี้ยที่จ่ายมักจะสูงกว่า เพื่อดึงดูดนักลงทุน เช่น
ตั๋วเงินบริษัท (Commercial Paper): เป็นตราสารหนี้ระยะสั้นของบริษัทเอกชน มีอายุไม่เกิน 1 ปี มักใช้เพื่อเสริมสภาพคล่องหรือการหมุนเวียนเงินสดในระยะสั้น
พันธบัตรบริษัท (Corporate Bonds): เป็นตราสารหนี้ระยะกลางหรือยาวของบริษัทเอกชน มีอายุตั้งแต่ 2 ปีขึ้นไป โดยบริษัทจะจ่ายดอกเบี้ยให้ผู้ถือพันธบัตรตามที่กำหนด
3. ตราสารหนี้ตามระยะเวลา
การแบ่งตราสารหนี้ตามอายุของตราสารหนี้ ช่วยให้ผู้ลงทุนสามารถเลือกลงทุนตามเป้าหมายทางการเงินที่คาดหวัง อาทิ
ตราสารหนี้ระยะสั้น (Short-Term Debt Instrument): มีอายุไม่เกิน 1 ปี เช่น ตั๋วเงินคลังและตั๋วเงินบริษัท ตราสารหนี้ระยะสั้นนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนระยะสั้นและต้องการกระแสเงินสดเร็ว เนื่องจากมีอายุน้อย จึงมีความเสี่ยงในแง่ของอัตราดอกเบี้ยน้อยที่สุด
ตราสารหนี้ระยะกลาง (Medium-Term Debt Instrument): มีอายุ 1-10 ปี เช่น พันธบัตรบริษัทหรือพันธบัตรรัฐบาลบางประเภท ตราสารหนี้ระยะกลางเป็นตัวเลือกสำหรับผู้ที่มองหาผลตอบแทนที่มั่นคงในระยะปานกลาง และยอมรับความผันผวนของอัตราดอกเบี้ยได้บ้าง
ตราสารหนี้ระยะยาว (Long-Term Debt Instrument): มีอายุเกิน 10 ปีขึ้นไป เช่น พันธบัตรรัฐบาลระยะยาว พันธบัตรระยะยาวให้ผลตอบแทนที่สูงกว่า เนื่องจากผู้ลงทุนต้องยอมรับความเสี่ยงจากอัตราดอกเบี้ยที่เปลี่ยนแปลงในระยะยาว นอกจากนี้ ความผันผวนของมูลค่าตราสารหนี้ระยะยาวก็สูงกว่าเมื่อเทียบกับตราสารหนี้ระยะสั้นและระยะกลาง
ทำไมตราสารหนี้ถึงเป็นที่นิยมในหมู่นักลงทุน
ตราสารหนี้ ถือเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่นักลงทุนให้ความสนใจเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากจะเป็นทางเลือกในการสร้างความมั่นคงให้กับพอร์ตการลงทุนแล้ว ยังมีความน่าสนใจในแง่มุมอื่น ๆ อีกมากมาย และนี่คือเหตุผลที่ตราสารหนี้เป็นที่นิยมในหมู่นักลงทุน
1. ผลตอบแทนที่ค่อนข้างแน่นอน
นักลงทุนจะได้รับผลตอบแทนในรูปของดอกเบี้ย ซึ่งเป็นรายได้ที่ค่อนข้างแน่นอนและสม่ำเสมอ ทำให้สามารถวางแผนการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2. ความเสี่ยงต่ำ
เมื่อเทียบกับการลงทุนในหุ้น ตราสารหนี้มีความเสี่ยงที่ต่ำกว่า เนื่องจากราคาของตราสารหนี้มีความผันผวนน้อยกว่า และมีมูลค่าที่อ้างอิงจากอัตราดอกเบี้ยซึ่งค่อนข้างแน่นอน
3. กระจายความเสี่ยง
การลงทุนในตราสารหนี้ที่หลากหลายประเภท และผู้ออกที่แตกต่างกัน ช่วยลดความเสี่ยงจากการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทเดียว
4. เหมาะสำหรับนักลงทุนทุกระดับ
ไม่ว่าจะเป็นนักลงทุนมือใหม่หรือมืออาชีพ ตราสารหนี้ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ เนื่องจากมีให้เลือกหลากหลายประเภท และมีความเสี่ยงที่แตกต่างกันไป