คุณอยู่ที่

  • บทความ
  • ผลิตภัณฑ์ธนาคาร
  • ช่องทางบริการธนาคาร
  • เกี่ยวกับเรา
  • บริการช่วยเหลือ
  • ลิงก์ด่วน
ผลิตภัณฑ์ธนาคาร
เกี่ยวกับเรา
Financial Guru
Business Maker
Lifestyle Tips
ลงทุน
บริการโอนเงินระหว่างประเทศ
CIMB THAI App
ข่าวและกิจกรรม

 

ถ้าพูดถึง ตราสารหนี้ หลายคนอาจจะมองว่าเป็นเรื่องของนักลงทุนมืออาชีพ แต่แท้จริงแล้ว ตราสารหนี้ คือการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ ได้รับผลตอบแทนอย่างสม่ำเสมอ อีกทั้งยังเป็นที่นิยมอย่างมากไม่ว่าจะเป็นผู้เกษียณอายุ หรือนักลงทุนที่ต้องการสร้างพอร์ตการลงทุนที่หลากหลาย วันนี้เรามาทำความรู้จักกับ ตราสารหนี้ ให้มากขึ้น ว่าสิ่งนี้คืออะไร ตราสารหนี้มีอะไรบ้าง และทำไมถึงเป็นที่นิยมในหมู่นักลงทุน

 

ตราสารหนี้คืออะไร

ตราสารหนี้ (Debt Instrument) เป็นสัญญาทางการเงินที่ผู้ถือครองตราสารจะได้รับดอกเบี้ยในระยะเวลาที่กำหนด และได้รับคืนเงินต้นเมื่อครบกำหนดอายุของตราสาร ผู้ขายตราสารหนี้ (ผู้ออก) อาจเป็นรัฐบาล หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ หรือบริษัทเอกชนก็ได้ ซึ่งการออกตราสารหนี้เป็นอีกหนึ่งช่องทางในการระดมทุนเพื่อนำไปใช้ในการลงทุนหรือดำเนินงานต่าง ๆ

 

ผลตอบแทนจากตราสารหนี้  

ตราสารหนี้ ผลตอบแทนที่นักลงทุนจะได้รับก็คือ ดอกเบี้ย ซึ่งเป็นรายได้ที่แน่นอนและสม่ำเสมอ นอกจากนี้ นักลงทุนยังอาจได้รับ กำไรจากส่วนต่างของราคา หากราคาตราสารหนี้ในตลาดมีการเปลี่ยนแปลงสูงขึ้น ซึ่งอัตราดอกเบี้ยของตราสารหนี้นั้นมีความผันผวนตามความเสี่ยงของผู้ออกตราสาร โดยทั่วไปพันธบัตรรัฐบาลมีความเสี่ยงน้อยกว่าและให้ดอกเบี้ยต่ำกว่า ในขณะที่พันธบัตรบริษัทซึ่งมีความเสี่ยงมากกว่าอาจให้ดอกเบี้ยที่สูงขึ้น

 

 

ประเภทของตราสารหนี้มีอะไรบ้าง

ตราสารหนี้ อีกหนึ่งทางเลือกในการสร้างความมั่งคั่งทางการเงิน รวมถึงเป็นการช่วยกระจายความเสี่ยงให้กับพอร์ตการลงทุนอีกด้วย และนี่คือประเภทของตราสารหนี้ ที่แตกต่างกันในแง่ของผลตอบแทน ระยะเวลา และความเสี่ยง มาดูกันว่าตราสารหนี้มีอะไรบ้าง

 

1.ตราสารหนี้ภาครัฐ

เป็นตราสารที่ออกโดยรัฐบาลหรือองค์กรของรัฐ เพื่อนำเงินไปใช้ในโครงการหรือพัฒนางานของประเทศ ตราสารหนี้ภาครัฐได้รับความเชื่อมั่นสูง เนื่องจากมีความเสี่ยงต่ำ ผู้ลงทุนมั่นใจได้ว่ารัฐบาลจะมีความสามารถในการชำระหนี้ได้ เช่น

 

  • พันธบัตรรัฐบาล (Government Bonds): มีอายุตั้งแต่ระยะกลางถึงระยะยาว มักมีอายุ 5-30 ปี โดยรัฐบาลจะจ่ายดอกเบี้ยให้ผู้ถือพันธบัตรเป็นรายปีหรือรายครึ่งปี

  • ตั๋วเงินคลัง (Treasury Bills): เป็นตราสารหนี้ระยะสั้นของรัฐบาลที่มีอายุไม่เกิน 1 ปี ตั๋วเงินคลังจะออกในราคาต่ำกว่ามูลค่าที่ระบุและไม่มีการจ่ายดอกเบี้ย แต่ผู้ลงทุนจะได้รับกำไรเมื่อครบกำหนดจากส่วนต่างของราคาซื้อและมูลค่าเต็ม

 

2. ตราสารหนี้เอกชน

ตราสารหนี้เอกชนคือ ตราสารหนี้ที่ออกโดยบริษัทเอกชนเพื่อระดมทุนมาใช้ในการขยายธุรกิจหรือลงทุนในโครงการต่าง ๆ ตราสารหนี้เอกชนมีความเสี่ยงสูงกว่าตราสารหนี้ภาครัฐ และอัตราดอกเบี้ยที่จ่ายมักจะสูงกว่า เพื่อดึงดูดนักลงทุน เช่น

 

  • ตั๋วเงินบริษัท (Commercial Paper): เป็นตราสารหนี้ระยะสั้นของบริษัทเอกชน มีอายุไม่เกิน 1 ปี มักใช้เพื่อเสริมสภาพคล่องหรือการหมุนเวียนเงินสดในระยะสั้น

  • พันธบัตรบริษัท (Corporate Bonds): เป็นตราสารหนี้ระยะกลางหรือยาวของบริษัทเอกชน มีอายุตั้งแต่ 2 ปีขึ้นไป โดยบริษัทจะจ่ายดอกเบี้ยให้ผู้ถือพันธบัตรตามที่กำหนด

 

3. ตราสารหนี้ตามระยะเวลา

การแบ่งตราสารหนี้ตามอายุของตราสารหนี้ ช่วยให้ผู้ลงทุนสามารถเลือกลงทุนตามเป้าหมายทางการเงินที่คาดหวัง อาทิ

 

  • ตราสารหนี้ระยะสั้น (Short-Term Debt Instrument): มีอายุไม่เกิน 1 ปี เช่น ตั๋วเงินคลังและตั๋วเงินบริษัท ตราสารหนี้ระยะสั้นนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนระยะสั้นและต้องการกระแสเงินสดเร็ว เนื่องจากมีอายุน้อย จึงมีความเสี่ยงในแง่ของอัตราดอกเบี้ยน้อยที่สุด

  • ตราสารหนี้ระยะกลาง (Medium-Term Debt Instrument): มีอายุ 1-10 ปี เช่น พันธบัตรบริษัทหรือพันธบัตรรัฐบาลบางประเภท ตราสารหนี้ระยะกลางเป็นตัวเลือกสำหรับผู้ที่มองหาผลตอบแทนที่มั่นคงในระยะปานกลาง และยอมรับความผันผวนของอัตราดอกเบี้ยได้บ้าง

  • ตราสารหนี้ระยะยาว (Long-Term Debt Instrument): มีอายุเกิน 10 ปีขึ้นไป เช่น พันธบัตรรัฐบาลระยะยาว พันธบัตรระยะยาวให้ผลตอบแทนที่สูงกว่า เนื่องจากผู้ลงทุนต้องยอมรับความเสี่ยงจากอัตราดอกเบี้ยที่เปลี่ยนแปลงในระยะยาว นอกจากนี้ ความผันผวนของมูลค่าตราสารหนี้ระยะยาวก็สูงกว่าเมื่อเทียบกับตราสารหนี้ระยะสั้นและระยะกลาง

 

ทำไมตราสารหนี้ถึงเป็นที่นิยมในหมู่นักลงทุน

ตราสารหนี้ ถือเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่นักลงทุนให้ความสนใจเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากจะเป็นทางเลือกในการสร้างความมั่นคงให้กับพอร์ตการลงทุนแล้ว ยังมีความน่าสนใจในแง่มุมอื่น ๆ อีกมากมาย และนี่คือเหตุผลที่ตราสารหนี้เป็นที่นิยมในหมู่นักลงทุน

 

1. ผลตอบแทนที่ค่อนข้างแน่นอน

นักลงทุนจะได้รับผลตอบแทนในรูปของดอกเบี้ย ซึ่งเป็นรายได้ที่ค่อนข้างแน่นอนและสม่ำเสมอ ทำให้สามารถวางแผนการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

2. ความเสี่ยงต่ำ

เมื่อเทียบกับการลงทุนในหุ้น ตราสารหนี้มีความเสี่ยงที่ต่ำกว่า เนื่องจากราคาของตราสารหนี้มีความผันผวนน้อยกว่า และมีมูลค่าที่อ้างอิงจากอัตราดอกเบี้ยซึ่งค่อนข้างแน่นอน

 

3. กระจายความเสี่ยง

การลงทุนในตราสารหนี้ที่หลากหลายประเภท และผู้ออกที่แตกต่างกัน ช่วยลดความเสี่ยงจากการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทเดียว

 

4. เหมาะสำหรับนักลงทุนทุกระดับ

ไม่ว่าจะเป็นนักลงทุนมือใหม่หรือมืออาชีพ ตราสารหนี้ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ เนื่องจากมีให้เลือกหลากหลายประเภท และมีความเสี่ยงที่แตกต่างกันไป

 

 

เพิ่มความมั่งคั่งทางการเงิน ด้วยการลงทุนกับกองทุนรวมที่สอดคล้องไปกับระดับความเสี่ยงของคุณ ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย ได้ทำการคัดเลือกกองทุนรวมที่มีคุณภาพที่สามารถตอบสนองความต้องการของคุณด้วยการจัดทำพอร์ตการลงทุนเพื่อสร้างความมั่งคั่ง ภายใต้ความเสี่ยงที่เหมาะสมและผลตอบแทนที่ต้องการ ผ่านการลงทุนในสินทรัพย์หลากหลายประเภท บริหารโดยผู้จัดการกองทุนมืออาชีพ ลงทุนที่ไหนเมื่อไหร่ก็ได้ผ่านแอป CIMB THAI สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่หมายเลข 02 626 7777 หรือ คลิกที่นี่


คุณอาจสนใจ