คุณอยู่ที่

  • บทความ
  • ผลิตภัณฑ์ธนาคาร
  • ช่องทางบริการธนาคาร
  • เกี่ยวกับเรา
  • บริการช่วยเหลือ
  • ลิงก์ด่วน
ผลิตภัณฑ์ธนาคาร
เกี่ยวกับเรา
Financial Guru
Business Maker
Lifestyle Tips
ลงทุน
บริการโอนเงินระหว่างประเทศ
CIMB THAI App
ข่าวและกิจกรรม

 

ตราสารหนี้ เป็นสินทรัพย์ทางการเงินที่ให้สิทธิการเป็นเจ้าหนี้ แก่ผู้ลงทุน อีกหนึ่งทางเลือกของนักลงทุนที่ไม่ชอบเสี่ยงสูง แต่ได้รับผลตอบแทนอย่างสม่ำเสมอ อีกทั้งยังช่วยช่วยลดความผันผวนของพอร์ตการลงทุนของเราได้เป็นอย่างดี ซึ่งผลตอบแทนจะได้มากหรือน้อยขึ้นอยู่กับอายุของตราสารหนี้ รวมถึงความน่าเชื่อถือของผู้ออกตราสารหนี้

 

ในปัจจุบันมีนักลงทุนที่สนใจลงทุนตราสารหนี้เพิ่มมากขึ้น แต่นักลงทุนอาจต้องศึกษาข้อมูลให้ละเอียด และเรื่องหนึ่งที่ต้องเรียนรู้ก่อนตัดสินใจลงทุน คือ “เทคนิคการจัดพอร์ตตราสารหนี้” เพื่อนำไปประยุกต์ใช้ตัดสินใจในการลงทุนให้เหมาะสมกับสถานการณ์และความเสี่ยงที่ยอมรับได้ โดยกลยุทธ์จัดพอร์ตตราสารหนี้ จะมี 3 รูปแบบหลัก ๆ ดังนี้

 

1. แบบขั้นบันได (Ladder)

 

เป็นการใช้หลักการกระจายการลงทุนในตราสารหนี้หลายๆ รุ่นที่มีอายุคงเหลือในช่วงเวลาที่แตกต่างกัน เพราะตราสารหนี้มีความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของราคาเมื่ออัตราดอกเบี้ยเปลี่ยนแปลง หากนักลงทุนเลือกจัดพอร์ตตราสารหนี้แบบขั้นบันได ด้วยการกระจายการลงทุนตราสารหนี้หลายๆ รุ่น ที่มีอายุคงเหลือในช่วงเวลาที่ต่างกัน เช่น 1 ปี 3 ปี 5 ปี หรือ 10 ปี จะทำให้ลดความเสี่ยงจากการลดลงของราคาเมื่ออัตราดอกเบี้ยเปลี่ยนแปลง

 

 

2. แบบบาร์เบล (Barbell)

 

เป็นการจัดพอร์ตตราสารหนี้ที่มีลักษณะเหมือนกับที่ยกน้ำหนัก คือ จะกระจายการลงทุนออกเป็น 2 ส่วน ส่วนหนึ่งลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้น และอีกส่วนหนึ่งลงทุนในตราสารหนี้ระยะยาว การจัดพอร์ตแบบนี้จะให้ผลดี ตรงที่จะได้อัตราผลตอบแทนที่สูงจากตราสารหนี้ระยะยาว และได้ความคล่องตัวจากตราสารหนี้ระยะสั้น รวมถึงช่วยลดความเสี่ยงจากการที่อัตราดอกเบี้ยปรับเพิ่มขึ้น โดยเงินที่ได้จากพันธบัตรระยะสั้นที่หมดอายุ สามารถนำไปลงทุนต่อได้ โดยไม่จำเป็นต้องขายพันธบัตรระยะยาวออกไปในราคาที่ขาดทุน และนักลงทุนยังสามารถจัดพอร์ตโดยไม่จำเป็นต้องแบ่งสัดส่วนพันธบัตรระยะสั้นและระยะยาวเท่ากัน แต่กระจายน้ำหนักตามภาวะอัตราดอกเบี้ยในปัจจุบันและแนวโน้มในอนาคตได้

 

 

3. แบบกระสุนปืน (Bullet)

 

เป็นการจัดพอร์ตแบบการลงทุนในตราสารหนี้เพียงตัวเดียว หรืออาจลงทุนในกลุ่มของตราสารหนี้ที่ครบกำหนดอายุในเวลาเดียวกัน อย่างเช่น ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำและคาดว่ามีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น นักลงทุนควรลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้น แต่หากอัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับสูงและคาดว่าจะมีแนวโน้มปรับตัวลดลง อาจเลือกลงทุนในตราสารหนี้ระยะยาว เป็นต้น

 

 

ท่านใดสนใจหรือมีคำถามเรื่องการลงทุนเพิ่มเติมสามารถติดต่อเพื่อขอคำแนะนำการลงทุนได้ที่ ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย ทุกสาขา โทร. 02 626 7777 หรืออีกช่องทางในการติดต่อผ่าน LINE Official Account CIMB Thai Wealth & Preferred