ทุกวันนี้ การทำธุรกรรมทางการเงินในช่องทางออนไลน์ เป็นช่องทางที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้กับเรา แต่ในขณะเดียวกันปัญหามิจฉาชีพ หลอกลงทุน หลอกกู้เงิน ยังคงมีให้เห็นบนโลกอินเทอร์เน็ต ซึ่งเหล่ามิจฉาชีพ บทความนี้จะพาคุณไปเจาะลึกถึงกลโกงต่างๆ ที่มิจฉาชีพมักนำมาใช้ในการหลอกลวง รวมถึงวิธีการสังเกตและป้องกันตัวเองไม่ให้ตกเป็นเหยื่อ เพื่อให้คุณสามารถตัดสินใจลงทุนหรือกู้เงินได้อย่างรอบคอบและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
 
มิจฉาชีพและวิธีการหลอกลวงในรูปแบบต่าง ๆ
ปัจจุบัน การเข้าถึงข้อมูลและบริการทางการเงินเป็นเรื่องง่ายเพียงปลายนิ้วคลิก แต่ความสะดวกนี้กลับเป็นดาบสองคม เพราะมิจฉาชีพใช้โอกาสนี้สร้างกลโกงหลอกลวงอย่างแยบยล โดยเฉพาะในรูปแบบของการหลอกลงทุนและหลอกกู้เงิน ที่คุณอาจตกเป็นเหยื่อของแผนการเหล่านี้โดยไม่ทันตั้งตัว และนี่คือวิธีการป้องกันและรับมือ มิจฉาชีพ หลอกลงทุน หลอกกู้เงิน สัญญาณเตือนที่ควรระวัง วิธีการป้องกันและรับมือ
1. มิจฉาชีพ หลอกลงทุน
การหลอกลงทุนเป็นหนึ่งในรูปแบบการหลอกลวงที่พบเห็นได้บ่อยในปัจจุบัน มิจฉาชีพมักจะใช้กลยุทธ์ต่างๆ เพื่อดึงดูดให้ผู้คนหลงเชื่อและลงทุนในโครงการที่ไม่มีอยู่จริงหรือให้ผลตอบแทนที่ไม่เป็นไปตามที่กล่าวอ้าง ทำให้ผู้เสียหายสูญเสียเงินทองไปอย่างน่าเสียดาย
ลักษณะของการหลอกลงทุน
- ผลตอบแทนสูงผิดปกติ: โครงการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงเกินจริงในระยะเวลาอันสั้น เช่น ได้รับผลตอบแทน 10% ต่อเดือน หรือมากกว่านั้น 
- รับประกันผลตอบแทน: การรับประกันผลตอบแทนที่แน่นอน ไม่ว่าตลาดจะผันผวนอย่างไร เป็นสัญญาณเตือนที่ควรระวัง เพราะการลงทุนมีความเสี่ยง 
- ไม่เปิดเผยข้อมูลที่ชัดเจน: ข้อมูลเกี่ยวกับโครงการลงทุนไม่ชัดเจน ไม่สามารถตรวจสอบได้ หรือมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลอยู่ตลอดเวลา 
- เร่งรัดให้ตัดสินใจ: มิจฉาชีพมักจะเร่งรัดให้เหยื่อตัดสินใจลงทุนโดยเร็ว โดยอ้างว่าโอกาสนี้มีจำนวนจำกัด 
- ใช้ชื่อเสียงของบุคคลหรือองค์กรมาหลอกลวง: นำชื่อบุคคลที่มีชื่อเสียง หรือองค์กรที่มีความน่าเชื่อถือมาอ้างเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับโครงการ 
สัญญาณเตือนที่ควรระวัง
- ไม่มีใบอนุญาต: โครงการลงทุนไม่มีใบอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงาน ก.ล.ต. 
- ไม่มีข้อมูลที่เป็นรูปธรรม: ไม่สามารถตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับโครงการได้ เช่น ข้อมูลทางการเงิน ประวัติการดำเนินงาน หรือรายละเอียดของทีมงาน 
- ไม่สามารถตรวจสอบได้: ไม่สามารถตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลที่ได้รับมาได้ 
วิธีการตรวจสอบความน่าเชื่อถือของโครงการลงทุน
- ตรวจสอบข้อมูลของบริษัท: ตรวจสอบว่าบริษัทมีการจดทะเบียนถูกต้องหรือไม่ มีประวัติการดำเนินงานอย่างไร และมีใบอนุญาตประกอบธุรกิจที่เกี่ยวข้องหรือไม่ 
- ตรวจสอบข้อมูลของผู้เกี่ยวข้อง: ตรวจสอบประวัติของผู้ที่เกี่ยวข้องกับโครงการ เช่น ผู้บริหาร ผู้จัดการกองทุน ว่ามีประสบการณ์และความน่าเชื่อถือมากน้อยเพียงใด 
- ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ: ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการเงิน หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงาน ก.ล.ต. 
- ตรวจสอบข้อมูลในอินเทอร์เน็ต: ค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับโครงการลงทุนในอินเทอร์เน็ต อาจมีข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในการตัดสินใจ 
- ระวังการหลอกลวงออนไลน์: อย่าคลิกลิงก์หรือดาวน์โหลดไฟล์จากอีเมลหรือเว็บไซต์ที่ไม่น่าเชื่อถือ 
2.มิจฉาชีพ หลอกกู้เงิน
การหลอกกู้เงินเป็นอีกหนึ่งรูปแบบของการหลอกลวงที่พบได้บ่อยในปัจจุบัน ซึ่งมิจฉาชีพมักใช้ความต้องการของผู้คนที่กำลังต้องการเงินด่วนเป็นเครื่องมือในการหลอกลวง โดยการนำเสนอสินเชื่อหรือเงินกู้ที่ฟังดูน่าสนใจ แต่สุดท้ายแล้วผู้กู้กลับไม่ได้รับเงิน หรืออาจถูกขโมยข้อมูลส่วนตัวไปใช้ในทางที่ผิด และนี่คือ 
กลโกงที่เกี่ยวข้องกับการหลอกกู้เงิน
- สินเชื่อปลอม โดยผู้กู้จะถูกล่อลวงให้โอนเงินค่าธรรมเนียมหรือค่ามัดจำล่วงหน้า โดยมิจฉาชีพอ้างว่าจะได้รับเงินกู้ทันที แต่เมื่อโอนเงินแล้ว ผู้กู้กลับไม่ได้รับเงินตามสัญญา
- กู้เงินด่วนผ่านแอปพลิเคชันผิดกฎหมาย : มิจฉาชีพสร้างแอปพลิเคชันปลอมที่อ้างว่าเป็นแหล่งกู้เงินด่วน โดยให้ข้อมูลที่ดูน่าเชื่อถือ แต่แท้จริงแล้วแอปฯ นี้ถูกออกแบบมาเพื่อเก็บข้อมูลส่วนตัว เช่น หมายเลขบัตรประชาชน, ข้อมูลบัญชีธนาคาร หรือแม้แต่รหัสผ่าน บางแอปพลิเคชันอาจอนุมัติวงเงินให้เพียงเล็กน้อยและเก็บค่าธรรมเนียมสูงมาก เมื่อมีการจ่ายเงินแล้วผู้กู้จะไม่ได้รับเงินตามที่คาดหวัง
สัญญาณเตือนที่ควรระวัง
- การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมล่วงหน้า : หากโครงการหรือแหล่งกู้เงินเรียกร้องให้จ่ายค่าธรรมเนียมหรือมัดจำก่อนที่จะได้รับการอนุมัติสินเชื่อ ให้ระมัดระวัง เพราะมักจะเป็นสัญญาณของการหลอกลวง 
- เงื่อนไขที่ดูไม่น่าเชื่อถือ : บางครั้งการกู้เงินที่ไม่มีหลักเกณฑ์หรือการคัดกรองที่เหมาะสมมักเป็นสัญญาณเตือนว่าอาจเป็นกลโกง 
- ความเร่งรีบและการบังคับตัดสินใจเร็ว : มิจฉาชีพมักจะพยายามให้คุณตัดสินใจเร็ว โดยการพูดว่า “ถ้าคุณไม่สมัครวันนี้ คุณจะพลาดโอกาสดีๆ” การเร่งรัดให้ตัดสินใจในเวลาสั้นๆ คือวิธีการที่มิจฉาชีพใช้ในการหลอกลวง 
- ไม่สามารถตรวจสอบข้อมูลที่มาของการให้กู้ : หากไม่สามารถตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับผู้ให้กู้ได้ ไม่ว่าจะเป็นเบอร์โทรศัพท์ที่สามารถติดต่อได้ หรือที่อยู่ที่ชัดเจน ควรระมัดระวัง 
- มีการใช้ช่องทางส่วนตัวหรือไม่เป็นทางการ : การติดต่อผ่านช่องทางส่วนตัว หรือข้อความส่วนตัวในโซเชียลมีเดีย ก็เป็นสัญญาณที่อาจไม่ปลอดภัย 
วิธีการป้องกันตัวเองจากการหลอกกู้เงิน
- ตรวจสอบให้ละเอียด : ก่อนตัดสินใจกู้เงิน ควรตรวจสอบบริษัทหรือแหล่งเงินกู้ผ่านแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) หากเป็นแหล่งเงินกู้ที่ไม่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ควรหลีกเลี่ยงอย่างเด็ดขาด 
- หลีกเลี่ยงการให้ข้อมูลส่วนตัวมากเกินไป : อย่าให้ข้อมูลส่วนตัวเช่น หมายเลขบัตรประชาชน, รหัสผ่าน หรือข้อมูลทางการเงินแก่บุคคลหรือองค์กรที่ไม่น่าเชื่อถือ 
- อย่าตัดสินใจเร่งด่วน : หากมีการเสนอให้กู้เงินโดยเร่งรีบหรือบังคับให้ตัดสินใจเร็ว ควรยุติการติดต่อและคิดให้รอบคอบก่อนตัดสินใจ 
- ตรวจสอบเงื่อนไขให้ชัดเจน : ก่อนยอมรับข้อเสนอการกู้เงิน ควรขอให้มีรายละเอียดและเงื่อนไขที่ชัดเจนเกี่ยวกับดอกเบี้ย, การชำระเงิน, และค่าธรรมเนียมที่อาจเกิดขึ้น 
- ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ : หากคุณรู้สึกไม่มั่นใจเกี่ยวกับข้อเสนอหรือโครงการกู้เงิน ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางการเงินหรือขอคำแนะนำจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง -