คุณอยู่ที่

  • บทความ
  • ผลิตภัณฑ์ธนาคาร
  • ช่องทางบริการธนาคาร
  • เกี่ยวกับเรา
  • บริการช่วยเหลือ
  • ลิงก์ด่วน
ผลิตภัณฑ์ธนาคาร
เกี่ยวกับเรา
Financial Guru
Business Maker
Lifestyle Tips
ลงทุน
บริการโอนเงินระหว่างประเทศ
CIMB THAI App
ข่าวและกิจกรรม

 

ทุกวันนี้ การทำธุรกรรมทางการเงินในช่องทางออนไลน์ เป็นช่องทางที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้กับเรา แต่ในขณะเดียวกันปัญหามิจฉาชีพ หลอกลงทุน หลอกกู้เงิน ยังคงมีให้เห็นบนโลกอินเทอร์เน็ต ซึ่งเหล่ามิจฉาชีพ บทความนี้จะพาคุณไปเจาะลึกถึงกลโกงต่างๆ ที่มิจฉาชีพมักนำมาใช้ในการหลอกลวง รวมถึงวิธีการสังเกตและป้องกันตัวเองไม่ให้ตกเป็นเหยื่อ เพื่อให้คุณสามารถตัดสินใจลงทุนหรือกู้เงินได้อย่างรอบคอบและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

 

มิจฉาชีพและวิธีการหลอกลวงในรูปแบบต่าง ๆ

ปัจจุบัน การเข้าถึงข้อมูลและบริการทางการเงินเป็นเรื่องง่ายเพียงปลายนิ้วคลิก แต่ความสะดวกนี้กลับเป็นดาบสองคม เพราะมิจฉาชีพใช้โอกาสนี้สร้างกลโกงหลอกลวงอย่างแยบยล โดยเฉพาะในรูปแบบของการหลอกลงทุนและหลอกกู้เงิน ที่คุณอาจตกเป็นเหยื่อของแผนการเหล่านี้โดยไม่ทันตั้งตัว และนี่คือวิธีการป้องกันและรับมือ มิจฉาชีพ หลอกลงทุน หลอกกู้เงิน สัญญาณเตือนที่ควรระวัง วิธีการป้องกันและรับมือ

1. มิจฉาชีพ หลอกลงทุน

การหลอกลงทุนเป็นหนึ่งในรูปแบบการหลอกลวงที่พบเห็นได้บ่อยในปัจจุบัน มิจฉาชีพมักจะใช้กลยุทธ์ต่างๆ เพื่อดึงดูดให้ผู้คนหลงเชื่อและลงทุนในโครงการที่ไม่มีอยู่จริงหรือให้ผลตอบแทนที่ไม่เป็นไปตามที่กล่าวอ้าง ทำให้ผู้เสียหายสูญเสียเงินทองไปอย่างน่าเสียดาย

ลักษณะของการหลอกลงทุน

  • ผลตอบแทนสูงผิดปกติ: โครงการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงเกินจริงในระยะเวลาอันสั้น เช่น ได้รับผลตอบแทน 10% ต่อเดือน หรือมากกว่านั้น

  • รับประกันผลตอบแทน: การรับประกันผลตอบแทนที่แน่นอน ไม่ว่าตลาดจะผันผวนอย่างไร เป็นสัญญาณเตือนที่ควรระวัง เพราะการลงทุนมีความเสี่ยง

  • ไม่เปิดเผยข้อมูลที่ชัดเจน: ข้อมูลเกี่ยวกับโครงการลงทุนไม่ชัดเจน ไม่สามารถตรวจสอบได้ หรือมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลอยู่ตลอดเวลา

  • เร่งรัดให้ตัดสินใจ: มิจฉาชีพมักจะเร่งรัดให้เหยื่อตัดสินใจลงทุนโดยเร็ว โดยอ้างว่าโอกาสนี้มีจำนวนจำกัด

  • ใช้ชื่อเสียงของบุคคลหรือองค์กรมาหลอกลวง: นำชื่อบุคคลที่มีชื่อเสียง หรือองค์กรที่มีความน่าเชื่อถือมาอ้างเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับโครงการ

สัญญาณเตือนที่ควรระวัง

  • ไม่มีใบอนุญาต: โครงการลงทุนไม่มีใบอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงาน ก.ล.ต.

  • ไม่มีข้อมูลที่เป็นรูปธรรม: ไม่สามารถตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับโครงการได้ เช่น ข้อมูลทางการเงิน ประวัติการดำเนินงาน หรือรายละเอียดของทีมงาน

  • ไม่สามารถตรวจสอบได้: ไม่สามารถตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลที่ได้รับมาได้

วิธีการตรวจสอบความน่าเชื่อถือของโครงการลงทุน

  • ตรวจสอบข้อมูลของบริษัท: ตรวจสอบว่าบริษัทมีการจดทะเบียนถูกต้องหรือไม่ มีประวัติการดำเนินงานอย่างไร และมีใบอนุญาตประกอบธุรกิจที่เกี่ยวข้องหรือไม่

  • ตรวจสอบข้อมูลของผู้เกี่ยวข้อง: ตรวจสอบประวัติของผู้ที่เกี่ยวข้องกับโครงการ เช่น ผู้บริหาร ผู้จัดการกองทุน ว่ามีประสบการณ์และความน่าเชื่อถือมากน้อยเพียงใด

  • ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ: ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการเงิน หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงาน ก.ล.ต.

  • ตรวจสอบข้อมูลในอินเทอร์เน็ต: ค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับโครงการลงทุนในอินเทอร์เน็ต อาจมีข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในการตัดสินใจ

  • ระวังการหลอกลวงออนไลน์: อย่าคลิกลิงก์หรือดาวน์โหลดไฟล์จากอีเมลหรือเว็บไซต์ที่ไม่น่าเชื่อถือ

2.มิจฉาชีพ หลอกกู้เงิน

การหลอกกู้เงินเป็นอีกหนึ่งรูปแบบของการหลอกลวงที่พบได้บ่อยในปัจจุบัน ซึ่งมิจฉาชีพมักใช้ความต้องการของผู้คนที่กำลังต้องการเงินด่วนเป็นเครื่องมือในการหลอกลวง โดยการนำเสนอสินเชื่อหรือเงินกู้ที่ฟังดูน่าสนใจ แต่สุดท้ายแล้วผู้กู้กลับไม่ได้รับเงิน หรืออาจถูกขโมยข้อมูลส่วนตัวไปใช้ในทางที่ผิด และนี่คือ 

กลโกงที่เกี่ยวข้องกับการหลอกกู้เงิน

- สินเชื่อปลอม โดยผู้กู้จะถูกล่อลวงให้โอนเงินค่าธรรมเนียมหรือค่ามัดจำล่วงหน้า โดยมิจฉาชีพอ้างว่าจะได้รับเงินกู้ทันที แต่เมื่อโอนเงินแล้ว ผู้กู้กลับไม่ได้รับเงินตามสัญญา

- กู้เงินด่วนผ่านแอปพลิเคชันผิดกฎหมาย : มิจฉาชีพสร้างแอปพลิเคชันปลอมที่อ้างว่าเป็นแหล่งกู้เงินด่วน โดยให้ข้อมูลที่ดูน่าเชื่อถือ แต่แท้จริงแล้วแอปฯ นี้ถูกออกแบบมาเพื่อเก็บข้อมูลส่วนตัว เช่น หมายเลขบัตรประชาชน, ข้อมูลบัญชีธนาคาร หรือแม้แต่รหัสผ่าน บางแอปพลิเคชันอาจอนุมัติวงเงินให้เพียงเล็กน้อยและเก็บค่าธรรมเนียมสูงมาก เมื่อมีการจ่ายเงินแล้วผู้กู้จะไม่ได้รับเงินตามที่คาดหวัง

สัญญาณเตือนที่ควรระวัง

  • การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมล่วงหน้า : หากโครงการหรือแหล่งกู้เงินเรียกร้องให้จ่ายค่าธรรมเนียมหรือมัดจำก่อนที่จะได้รับการอนุมัติสินเชื่อ ให้ระมัดระวัง เพราะมักจะเป็นสัญญาณของการหลอกลวง

  • เงื่อนไขที่ดูไม่น่าเชื่อถือ : บางครั้งการกู้เงินที่ไม่มีหลักเกณฑ์หรือการคัดกรองที่เหมาะสมมักเป็นสัญญาณเตือนว่าอาจเป็นกลโกง

  • ความเร่งรีบและการบังคับตัดสินใจเร็ว : มิจฉาชีพมักจะพยายามให้คุณตัดสินใจเร็ว โดยการพูดว่า “ถ้าคุณไม่สมัครวันนี้ คุณจะพลาดโอกาสดีๆ” การเร่งรัดให้ตัดสินใจในเวลาสั้นๆ คือวิธีการที่มิจฉาชีพใช้ในการหลอกลวง

  • ไม่สามารถตรวจสอบข้อมูลที่มาของการให้กู้ : หากไม่สามารถตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับผู้ให้กู้ได้ ไม่ว่าจะเป็นเบอร์โทรศัพท์ที่สามารถติดต่อได้ หรือที่อยู่ที่ชัดเจน ควรระมัดระวัง

  • มีการใช้ช่องทางส่วนตัวหรือไม่เป็นทางการ : การติดต่อผ่านช่องทางส่วนตัว หรือข้อความส่วนตัวในโซเชียลมีเดีย ก็เป็นสัญญาณที่อาจไม่ปลอดภัย

วิธีการป้องกันตัวเองจากการหลอกกู้เงิน

  • ตรวจสอบให้ละเอียด : ก่อนตัดสินใจกู้เงิน ควรตรวจสอบบริษัทหรือแหล่งเงินกู้ผ่านแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) หากเป็นแหล่งเงินกู้ที่ไม่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ควรหลีกเลี่ยงอย่างเด็ดขาด

  • หลีกเลี่ยงการให้ข้อมูลส่วนตัวมากเกินไป : อย่าให้ข้อมูลส่วนตัวเช่น หมายเลขบัตรประชาชน, รหัสผ่าน หรือข้อมูลทางการเงินแก่บุคคลหรือองค์กรที่ไม่น่าเชื่อถือ

  • อย่าตัดสินใจเร่งด่วน : หากมีการเสนอให้กู้เงินโดยเร่งรีบหรือบังคับให้ตัดสินใจเร็ว ควรยุติการติดต่อและคิดให้รอบคอบก่อนตัดสินใจ

  • ตรวจสอบเงื่อนไขให้ชัดเจน : ก่อนยอมรับข้อเสนอการกู้เงิน ควรขอให้มีรายละเอียดและเงื่อนไขที่ชัดเจนเกี่ยวกับดอกเบี้ย, การชำระเงิน, และค่าธรรมเนียมที่อาจเกิดขึ้น

  • ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ : หากคุณรู้สึกไม่มั่นใจเกี่ยวกับข้อเสนอหรือโครงการกู้เงิน ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางการเงินหรือขอคำแนะนำจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

     

 

 

ถ้าโดนหลอกให้โอนเงิน ต้องทำยังไง

ในยุค สังคมไร้เงินสด การโอนเงินผ่านช่องทางออนไลน์เพื่อใช้จ่ายในชีวิตประจำวันแม้จะเป็นเรื่องปกติ แต่ก็แฝงด้วยภัยร้ายจาก "มิจฉาชีพ" ที่หลอกให้โอนเงิน หลายคนอาจเคยประสบเหตุการณ์นี้ ถ้าเราโดนหลอกให้โอนเงินต้องทํายังไง มีวิธีแจ้งความโดนหลอกโอนเงินอย่างไร แล้วจะมีโอกาสได้เงินคืนหรือไม่

วิธีแจ้งความโดนหลอกโอนเงิน ต้องทำยังไง

เมื่อคุณถูกหลอกให้โอนเงิน สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องตั้งสติ แล้วทำตามขั้นตอนต่อไปนี้

1. รวบรวมหลักฐานทั้งหมด

ไม่ว่าจะเป็น หลักฐานการโอนเงิน สลิป ข้อความหรืออีเมลที่ได้รับจากผู้หลอกลวง รวมถึงรายละเอียดการโอนเงิน เช่น วันที่และเวลาที่โอน หมายเลขบัญชีที่โอนเงินไป ให้ครบถ้วน

2. ติดต่อธนาคารเจ้าของบัญชีที่โอนเงิน

แจ้งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและขอให้ธนาคารทำการยกเลิก หรือระงับการโอนเงิน โดยเราจะได้รับ Case ID ผ่านทาง SMS เพื่อให้คุณนำไปใช้แจ้งความ

3. แจ้งความกับตำรวจ

หลังจากที่ติดต่อธนาคารแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือนำหลักฐานทั้งหมดที่มีไปแจ้งความที่สถานีตำรวจในบริเวณใกล้เคียง โดยนำเลข Bank Case ID จากธนาคาร ให้กับเจ้าหน้าที่ นอกจากนี้คุณสามารถ แจ้งความออนไลน์โดนหลอกโอนเงิน ผ่านเว็บไซต์ thaipoliceonline.com ภายใน 72 ชั่วโมง 

แจ้งความออนไลน์โดนหลอกโอนเงินไปแล้ว จะมีโอกาสได้เงินคืนหรือไม่

โอกาสที่เราจะได้เงินคืนหรือไม่? ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ความรวดเร็วในการแจ้งความ หลักฐานที่มี และ ประเภทของการหลอกลวง โดยทั่วไปแล้ว กรณีที่ตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ โอกาสที่เราจะได้เงินคืนก็มีความเป็นไปได้สูง แต่ถ้ากรณีที่ผู้ต้องหาหลบหนี โอกาสได้เงินคืนจะน้อยลง ขึ้นอยู่กับว่าเงินโอนไปยังบัญชีใคร

 

 

หากคุณตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ หลอกลงทุน หลอกกู้เงิน แนะนำให้ไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อให้ตำรวจได้สืบสวนหาตัวผู้กระทำผิด และอาจช่วยกู้เงินของคุณคืนได้ รวมถึงติดต่อธนาคาร เพื่อแจ้งให้ทราบถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงให้ธนาคารได้ดำเนินการบล็อกบัตร หรือระงับการทำธุรกรรมต่าง ๆ ต่อไป และสำหรับ ลูกค้าธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย สามารถสอบถามและแจ้งเหตุภัยทางการเงิน ได้ตลอด 24 ชั่วโมง โทร 02-626-7777 กด 12 หรือ คลิกที่นี่


คุณอาจสนใจ