Search
Back
เกี่ยวกับเรา  
รางวัล  
ข่าวและกิจกรรม  
บริการโอนเงินระหว่างประเทศ  
โปรโมชั่นล่าสุด  
CIMB THAI App  
CIMB THAI Connect  
บริการแจ้งเตือนผ่าน SMS  
พร้อมเพย์  
บริการเปิดบัญชีด้วยการยืนยันตัวตนรูปแบบดิจิทัล (NDID)  
การขอและรับส่งข้อมูลรายการเคลื่อนไหวบัญชีเงินฝาก ในรูปแบบข้อมูลดิจิทัลระหว่างธนาคาร (dStatement)  
บริการยืนยันตัวตนรูปแบบดิจิทัล (NDID) เพื่อทำธรุกรรมออนไลน์กับกรมสรรพากร  
ติดต่อเรา  
สาขาธนาคาร  
ข้อมูลคุณภาพการให้บริการ  
คำมั่นสัญญาการให้บริการลูกค้าธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย  
อัตราและค่าธรรมเนียม  
Form Download Center  
You're viewing:
ลูกค้าบุคคล
Other Sites
เกี่ยวกับเรา
การกำกับดูแล
ทีมผู้บริหาร
นักลงทุนสัมพันธ์
ความยั่งยืน
ผลิตภัณฑ์ธนาคาร
เงินฝาก
บัตร
ประกัน
สินเชื่อ
การบริหารความมั่งคั่ง
การลงทุน
TH

 

ในช่วงหลาย ๆ ปีที่ผ่านมา เชื่อว่าใครในที่นี้น่าจะเคยได้ยินคำว่า Fintech (ฟินเทค) มาบ้าง Fintech คือ เทคโนโลยีทางการเงินในโลกยุคดิจิทัล ที่ถูกนำมาประยุกต์ใช้ในธุรกิจการเงิน บทความนี้เราจะมาทำความรู้จักกับคำว่า Fintech ให้มากขึ้น มีข้อดี ข้อเสีย อย่างไร ประโยชน์ของ Fintech มีอะไรบ้าง แล้วอะไรบ้างที่จัดว่าเป็น Fintech

 

Fintech คืออะไร ข้อดี ข้อเสีย มีอะไรบ้าง?

Fintech (ฟินเทค) ชื่อเต็ม ๆ คือ Financial Technology ถือเป็นศัพท์ใหม่ในการให้บริการทางการเงินยุคใหม่ มีที่มาในช่วงยุค 2000 Fintech คือ เทคโนโลยีทางการเงินยุคใหม่ ที่ทำให้เราสามารถทำธุรกรรมทางการเงินได้สะดวกมากขึ้น แก้ปัญหาการลืมพกเงินสด ไม่ว่าจะเป็นการสแกนจ่ายผ่าน QR Code ทั้งจากแอปพลิเคชันธนาคาร กระเป๋าเงินดิจิทัลต่าง ๆ หรือจะเป็นการทำธุรกรรม โอนเงิน ชำระเงินผ่าน Mobile Banking รวมถึงเทคโนโลยี Blockchain ก็นับว่าเป็น Fintech อย่างหนึ่งเช่นกัน ในยุคที่เราสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้ง่าย เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว แล้ว Fintech มี ข้อดี ข้อเสีย อะไรบ้าง?

  • ข้อดีของ Fintech คือ ช่วยประหยัดเวลา ลดค่าใช้จ่าย ทำให้เราเข้าถึงบริการทางการเงินได้ดียิ่งขึ้น ไม่ต้องรอคิวนาน อีกทั้ง Fintech ยังช่วยเปิดโอกาสให้คนทั่วไปที่มีรายได้ต่ำเข้าถึงบริการสินเชื่อต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น ทั้งจากสถาบันทางการเงิน รวมไปถึงเหล่าธุรกิจ Non-bank ที่ออกผลิตภัณฑ์มาเพื่อจูงใจให้สมัคร นี่จึงเป็นข้อดีของฟินเทค
  • ข้อเสียของ Fintech คือ ความไม่เสถียรของระบบ แม้จะกล่าวได้ว่ายุคนี้เทคโนโลยีนั้นก้าวล้ำซะขนาดไหนก็ตาม เรายังพบถึงปัญหาต่าง ๆ โดยเฉพาะเรื่องที่หลายคนคงเคยพบเจอ นั่นก็คือปัญหา ระบบขัดข้อง มีผู้ใช้บริการเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้ไม่สามารถโอนเงิน หรือทำธุรกรรมอื่น ๆ ได้ เป็นต้น

 

ประโยชน์ของ fintech มีอะไรบ้าง

ถือได้ว่า Fintech ให้ประโยชน์มากมายสำหรับธุรกิจที่ตัดสินใจนำมาใช้เพราะประหยัดต้นทุน ด้วยกระบวนการอัตโนมัติที่เข้ามาแทนที่งานที่ต้องทำด้วยตนเอง ธุรกิจต่าง ๆ สามารถประหยัดเงินค่าแรงงานได้ นอกจากนี้ ด้วยประสิทธิภาพที่ได้รับการปรับปรุง ธุรกิจสามารถทำงานให้เสร็จเร็วขึ้นและให้บริการลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ Fintech ยังช่วยให้บริษัทต่างๆ เข้าถึงข้อมูลที่เกี่ยวกับพฤติกรรมและความชอบของลูกค้า เกิดเป็น Big Data ที่ทำให้เราสามารถนำข้อมูลเหล่านั้นนำไปปรับปรุง พัฒนา ผลิตภัณฑ์และบริการที่ดียิ่งขึ้น

 

 

ประเภทของ Fintech มีอะไรบ้าง?

ปัจจุบันเทคโนโลยี Fintech เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังครอบคลุมบริการทางการเงินที่หลากหลาย ทำให้เกิดนวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อทำให้เราเข้าถึงธุรกรรมทางการเงินได้ง่ายขึ้น โดยประเภทของ Fintech สามารถแบ่งออกได้หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น

 

1. Mobile Banking

เป็นบริการที่แต่ละธนาคาร ต่างทำมาเพื่ออำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรมทางการเงิน ไม่ต้องไปที่สาขาธนาคารเพื่อทำธุรกรรม เพราะเราสามารถทำได้ด้วยตัวเองผ่านแอปพลิเคชัน ไม่ว่าจะเป็นการเช็กยอดเงินคงเหลือ การโอนเงิน หรือ สแกนจ่ายเงิน จ่ายบิลค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าบริการต่าง ๆ รวมถึง การให้บริการสินเชื่อ และการลงทุน

 

2. Mobile Payments (E-Wallet)

ในปัจจุบันการชำระเงินผ่านแพลตฟอร์ม กระเป๋าเงินออนไลน์ หรือที่เรียกกันติดปากว่า E-Wallet ยกตัวอย่างเช่น Apple Pay, Google Wallet, PayPal, Alipay ฯลฯ ไม่เพียงเท่านั้นธุรกิจ Fintech ในไทย ก็มีหลายผู้ให้บริการนำเทคโนโลยี และ การเงิน มาสร้างสรรค์เป็นบริการออกมา เรียกว่าเป็น Solution ที่ได้รับความนิยม เนื่องจากเราสามารถทำการใช้จ่ายได้ง่าย ๆ ผ่านมือถือ ซึ่งระบบ Mobile Payments นี้ ต่างจากบริการ Mobile Banking ที่ให้บริการจ่ายเงินเพียงเท่านั้น  

 

3. Blockchain

เป็นเทคโนโลยีบัญชีแยกประเภทประเภทหนึ่ง ที่มีศักยภาพในการปฏิวัติอุตสาหกรรมที่หลากหลาย รวมถึงการเงิน โซลูชัน Fintech ที่ใช้บล็อกเชนสามารถให้บริการธุรกรรมที่ปลอดภัย โปร่งใส และรวดเร็ว ในขณะเดียวกันก็ลดค่าใช้จ่ายและไม่จำเป็นต้องใช้ตัวกลางสามารถนำไปใช้ได้ในหลายด้านของการเงิน เช่น การจัดการเอกสารการค้า, ประกันภัย และการซื้อขายหลักทรัพย์

 

4. Crowdfunding

เป็นอีกหนึ่งประเภท ของ fintech เป็นการระดมทุนจากคนจำนวนมาก เพื่อเป็นการสนับสนุนโครงการต่าง ๆ ผ่านช่องทางออนไลน์ เป็นอีกหนึ่งช่องทางสำหรับผู้ประกอบการ ศิลปิน และบุคคลที่มีความคิดสร้างสรรค์อื่นๆ ในการจัดหาเงินทุนให้กับแคมเปญ หรือแนวคิดต่าง ๆ ของพวกเขาและทำให้โครงการบรรลุผล ซึ่งการระดมทุนมีหลายประเภท ทั้งแบบอิงตามรางวัล โดยผู้ร่วมสนับสนุนแคมเปญจะได้รับรางวัลหรือผลิตภัณฑ์เพื่อแลกกับการบริจาคของพวกเขา ตัวอย่างที่เห็นได้ชัด ๆ คือ แคมเปญสนับสนุนผลงานของศิลปินต่าง ๆ หรือจะเป็น การระดมทุนจากการบริจาค อันนี้จะเป็นรูปแบบที่ไม่หวังผลหรือสิ่งตอบแทน เป็นต้น

 

 

และนอกจาก ประเภท ของ Fintech ที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว ต้องบอกว่าปัจจุบันธุรกิจ Fintech ในไทย ก็เริ่มมีบทบาทสำคัญในการผลักดันธุรกิจที่นำการเงินและเทคโนโลยีมารวมเข้าไว้ด้วยกัน ซึ่งมีหลากหลายธุรกิจเช่น บริการรีไฟแนนซ์บ้าน, บริการเรื่องการลงทุน, บริการเคลมประกันรถยนต์ เป็นต้น

 

และนี่ก็คือเรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับธุรกิจ Fintech ที่จะเข้ามามีบทบาทให้ธุรกิจของคุณขับเคลื่อนไปได้อย่างมีประสิทธิภาพและประหยัดต้นทุนมากขึ้น แม้ว่าจะมีความท้าทายที่เกี่ยวข้องกับการเปิดรับโซลูชันฟินเทค แต่สิ่งเหล่านี้สามารถแก้ไขได้ด้วยมาตรการรักษาความปลอดภัยที่แข็งแกร่งและติดตามความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีอยู่เสมอ ท้ายที่สุดแล้ว การเข้าใจฟินเทคเป็นกุญแจสำคัญสำหรับธุรกิจที่ต้องการก้าวนำหน้าในโลกดิจิทัล

 

ลูกค้าธุรกิจ ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่

 

อ้างอิงข้อมูลจาก

https://www.refinn.com/blog/fintech

https://techsauce.co/tech-and-biz/7-types-of-fintech-in-thailand


คุณอาจสนใจ