เมื่อคุณรู้แล้วว่าเมื่อไหร่ที่ต้องปรับโครงสร้างหนี้ หากสงสัยว่าการไปถึงเป้าหมาย[a]ของการปิดหนี้ให้ได้โดยเร็วต้องทำอย่างไร และการปรับโครงสร้างหนี้ในข้อใดช่วยลดภาระดอกเบี้ยได้บ้าง อย่ารอช้า มาดูพร้อมกันเลย!
1. เปลี่ยนประเภทหนี้
การปรับโครงสร้างหนี้ประเภทนี้ พบได้บ่อยในหนี้ระยะสั้นอย่างหนี้บัตรเครดิต หรือสินเชื่อส่วนบุคคล โดยการเปลี่ยนประเภทหนี้เหมาะกับคนที่เป็นหนี้บัตรเครดิตหลายใบ เนื่องจากหนี้บัตรเครดิตแต่ละใบกำหนดเวลาชำระไม่เท่ากัน ทำให้จัดการหนี้สินได้ยาก แต่เมื่อรวมหนี้บัตรเครดิตทุกใบเข้าด้วยกัน และเปลี่ยนเป็นหนี้ระยะยาวเพียงก้อนเดียว จะช่วยให้จัดการหนี้ได้ง่ายขึ้น รวมทั้งทำให้ยอดผ่อนชำระต่องวดต่ำลงอีกด้วย
2. ขอลดดอกเบี้ยชั่วคราว
การขอลดดอกเบี้ยชั่วคราวเหมาะกับผู้ที่มีปัญหาทางการเงินในระยะสั้นเท่านั้น เพราะถึงแม้ว่าดอกเบี้ยจะลดลงก็จริง แต่สถาบันการเงินก็ยังคงคิดดอกเบี้ยอยู่ โดยในระหว่างที่อัตราดอกเบี้ยลดลง ลูกหนี้ก็จะต้องผ่อนชำระหนี้ต่อไป
ซึ่งสถาบันการเงินแต่ละแห่งมีข้อกำหนดในการลดดอกเบี้ยชั่วคราวแตกต่างกันออกไป โดยลดได้ตั้งแต่ 3 เดือน - 6 เดือน นอกจากนี้บางสถาบันการเงินยังให้ลูกหนี้ลดดอกเบี้ยได้ชั่วคราวตามมาตรการของภาครัฐอีกด้วย
3. รีไฟแนนซ์
รีไฟแนนซ์ เป็นการขอสินเชื่อก้อนใหม่กับสถาบันการเงินที่เสนออัตราดอกเบี้ยที่ดีกว่า เพื่อนำเงินกู้มาปิดหนี้ก้อนเดิม โดยการรีไฟแนนซ์เหมาะกับผู้กู้ที่มีเครดิตทางการเงินดี และต้องการปิดหนี้ไวยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม สินเชื่อรีไฟแนนซ์มักมาพร้อมกับค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ทำให้ต้องประเมินว่าเมื่อขอรีไฟแนนซ์แล้วจะคุ้มค่าหรือไม่ นอกจากนี้สินเชื่อรีไฟแนนซ์ยังกำหนดเงื่อนไขคุณสมบัติของผู้กู้ด้วย เช่น ต้องผ่อนชำระหนี้เดิมมาแล้วไม่น้อยกว่า 3 - 5 ปี เป็นต้น
4. ขอพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ย
หากเกิดปัญหาการเงินจนไม่สามารถชำระหนี้ได้จริง ๆ ควรขอพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ย ซึ่งในระหว่างการพักชำระ ลูกหนี้จะไม่ต้องจ่ายหนี้ใด ๆ ทั้งสิ้น และค่อยชำระคืนภายหลังพ้นกำหนด แต่อย่างไรก็ตาม ในระหว่างการพักชำระ ดอกเบี้ยก็ไม่ได้ลดลง ทำให้หลังจากพ้นกำหนดพักชำระ ลูกหนี้จะต้องจ่ายคืนเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยที่คิดตามระยะเวลาที่พักชำระไป หมายความว่ายิ่งพักชำระนานเท่าไหร่ ดอกเบี้ยยิ่งมากขึ้นเท่านั้น ทำให้วิธีนี้ลูกหนี้จะต้องจ่ายหนี้มากขึ้น เมื่อเทียบกับวิธีการรีไฟแนนซ์หรือการขอลดดอกเบี้ย
5. ขยายเวลาชำระหนี้
หากเป็นหนี้ที่มีกำหนดเวลาชำระแน่นอน เช่น สินเชื่อเพื่อธุรกิจที่ครบกำหนดชำระภายใน 7 ปี ต่อมาผ่อนชำระมาถึงปีที่ 5 และเหลือระยะเวลาชำระอีก 2 ปี แต่เริ่มรู้สึกตึงมือ รายได้ที่เข้ามาเริ่มไม่แน่นอน ก็สามารถขอขยายระยะเวลาครบกำหนดชำระออกไปได้ ซึ่งการขอขยายเวลาชำระหนี้จะช่วยให้ยอดผ่อนต่อเดือนลดลง ทำให้มีสภาพคล่องเหลือไว้ใช้จ่าย หรือชำระหนี้อื่น ๆ ได้มากขึ้น
ปรับโครงสร้างหนี้ เทคนิคปิดหนี้ได้ไว ลดภาระผ่อนต่อเดือน
หวังว่าทุกคนจะได้รับคำตอบไปอย่างครบถ้วนแล้วว่าการปรับโครงสร้างหนี้คืออะไร และการปรับโครงสร้างหนี้ มีผลอย่างไรบ้าง จะเห็นได้ว่าการปรับโครงสร้างหนี้มีประโยชน์มากมาย ไม่ว่าจะเป็นการขยายระยะเวลาจ่ายหนี้ออกไป ทำให้มีเงินสดเหลือเพียงพอสำหรับจัดการค่าใช้จ่ายต่าง ๆ มากขึ้น หรือช่วยลดดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายต่องวด
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าการปรับโครงสร้างหนี้ จะส่งผลเสียต่อประวัติทางการเงินไปบ้าง แต่ก็ยังดีกว่าปล่อยให้เกิดหนี้เสีย ซึ่งจะนำมาสู่การฟ้องร้องและกู้เงินยากขึ้นในท้ายที่สุด
หากรู้สึกว่าหนี้ที่มีอยู่จ่ายดอกเบี้ยสูงเกินไป ติดภาระผ่อนบ้าน และกำลังจะผ่อนชำระไม่ไหว ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย พร้อมให้บริการสินเชื่อรีไฟแนนซ์ ที่จะช่วยให้คุณได้ดอกเบี้ยในเงื่อนไขที่ดีกว่าเดิม ลดภาระผ่อนต่อเดือนให้คุณผ่อนสบาย เคลียร์หนี้ได้เร็วกว่าเดิม อีกทั้งเรายังมีตัวช่วยออมเงินอย่างกองทุนรวมที่ครอบคลุมทั้งกองทุนรวมระยะสั้น และกองทุนรวมระยะยาว ซึ่งนอกจากจะช่วยออมเงินได้แล้ว ยังนำไปลดหย่อนภาษี 2568 ได้อีกด้วย
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ CIMB THAI Care Center โทร 02 626 7777 พร้อมติดตามข้อมูลเพิ่มเติมผ่านช่องทางออนไลน์ของธนาคารได้ดังต่อไปนี