Search
Back
เกี่ยวกับเรา  
รางวัล  
ข่าวและกิจกรรม  
บริการโอนเงินระหว่างประเทศ  
โปรโมชั่นล่าสุด  
CIMB THAI App  
CIMB THAI Connect  
บริการแจ้งเตือนผ่าน SMS  
พร้อมเพย์  
บริการเปิดบัญชีด้วยการยืนยันตัวตนรูปแบบดิจิทัล (NDID)  
การขอและรับส่งข้อมูลรายการเคลื่อนไหวบัญชีเงินฝาก ในรูปแบบข้อมูลดิจิทัลระหว่างธนาคาร (dStatement)  
บริการยืนยันตัวตนรูปแบบดิจิทัล (NDID) เพื่อทำธรุกรรมออนไลน์กับกรมสรรพากร  
ติดต่อเรา  
สาขาธนาคาร  
ข้อมูลคุณภาพการให้บริการ  
คำมั่นสัญญาการให้บริการลูกค้าธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย  
อัตราและค่าธรรมเนียม  
Form Download Center  
You're viewing:
ลูกค้าบุคคล
Other Sites
เกี่ยวกับเรา
การกำกับดูแล
ทีมผู้บริหาร
นักลงทุนสัมพันธ์
ความยั่งยืน
ผลิตภัณฑ์ธนาคาร
เงินฝาก
บัตร
ประกัน
สินเชื่อ
การบริหารความมั่งคั่ง
การลงทุน
logo
TH

 

หลายคนกำลังเผชิญกับปัญหาหนี้สินรุมเร้า มองไปทางไหนก็ไม่เจอทางออก พอคิดจะกู้เงินนอกระบบมาโปะหนี้เดิมก็ดูจะสร้างภาระทางการเงินมากเกินไป แล้วแบบนี้ต้องทำอย่างไรถึงจะแก้หนี้ได้? ไม่ต้องห่วง เพราะในบทความนี้มีเทคนิคแก้หนี้ดี ๆ อย่างการปรับโครงสร้างหนี้ ที่จะช่วยให้คนเป็นหนี้ทุกคนพบเจอทางออกในยามวิกฤต ว่าแต่การปรับโครงสร้างหนี้คืออะไร และถ้าปรับโครงสร้างหนี้แล้ว จะเสียประวัติไหม? มาหาคำตอบพร้อมกันได้เลย

 

สารบัญบทความ

 

  • การปรับโครงสร้างหนี้ คืออะไร?
  • เมื่อไรที่ควรปรับโครงสร้างหนี้
  • ปรับโครงสร้างหนี้ทำให้เสียประวัติไหม?
  • แนะนำวิธีปรับโครงสร้างหนี้ง่าย ๆ ที่ใครก็ทำตามได้
  • ปรับโครงสร้างหนี้ เทคนิคปิดหนี้ได้ไว ลดภาระผ่อนต่อเดือน

 

การปรับโครงสร้างหนี้ คืออะไร?

 

การปรับโครงสร้างหนี้ คือ กระบวนการที่เจ้าหนี้และลูกหนี้ร่วมกันทำข้อตกลงในการชำระหนี้ใหม่ เพื่อให้ลูกหนี้ยังคงสามารถชำระหนี้ต่อไปได้ โดยไม่ต้องขอเงินกู้นอกระบบที่เสี่ยงต่อการสร้างภาระหนี้สินในระยะยาว  ลดโอกาสเกิดหนี้เสียที่จะสร้างภาระทางการเงินต่อเจ้าหนี้ในอนาคต ซึ่งการปรับโครงสร้างหนี้สามารถทำได้หลายวิธี เช่น รีไฟแนนซ์หนี้ หรือเปลี่ยนประเภทหนี้จากหนี้ระยะสั้นเป็นหนี้ระยะยาว เป็นต้น

 

เมื่อไรที่ควรปรับโครงสร้างหนี้


 

การปรับโครงสร้างหนี้ไม่จำเป็นต้องรอให้ผ่อนชำระไม่ไหว เพราะเราสามารถขอปรับโครงสร้างหนี้ตั้งแต่เนิ่น ๆ ก่อนที่จะเกิดหนี้เสียขึ้น ซึ่งหากคุณกำลังเผชิญกับสถานการณ์ดังต่อไปนี้ ก็ถือว่าเป็นสัญญาณอันตรายที่ต้องรีบปรับปรุงโครงสร้างหนี้โดยเร็ว

 

มีรายได้น้อยลง

 

หากเริ่มมีรายได้น้อยลง เช่น ตกงานกะทันหัน โดนปรับลดเงินเดือน หรือหมดเงินไปกับการจ่ายค่ารักษาสุขภาพ ก็ถือว่าเป็นสัญญาณอันตรายที่ต้องเริ่มปรับโครงสร้างหนี้ ก่อนที่จะจ่ายหนี้ล่าช้าจนโดนค่าปรับและค่าทวงถาม ซึ่งส่งจะผลให้ต้องชำระหนี้มากขึ้นในงวดถัดไป

และนอกจากจะต้องปรับโครงสร้างหนี้แล้ว ยังต้องวางแผนทางการเงินใหม่เพื่อให้มีเงินพอจ่ายหนี้ด้วย เช่น จัดทำบัญชีรายรับรายจ่ายอย่างรัดกุม เพื่อลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น เป็นต้น

 

จ่ายหนี้ไหวแค่บางส่วน

 

หากรู้สึกว่าจ่ายหนี้ไหวแค่บางส่วน เช่น เป็นหนี้บัตรเครดิต 8,000 บาท แต่จ่ายได้แค่ขั้นต่ำทุกเดือน ก็ถือว่าเป็นสัญญาณที่ต้องเริ่มปรับโครงสร้างหนี้บัตรเครดิตโดยด่วน เพราะหากปล่อยไว้หนี้บัตรเครดิตในงวดก่อนหน้า จะคิดทบรวมกับดอกเบี้ย พร้อมกับหนี้บัตรเครดิตในงวดถัดไป ซึ่งจะทำให้หนี้บัตรเครดิตพอกพูนมากขึ้น และเสี่ยงต่อการผิดนัดชำระหนี้ในท้ายที่สุด

 

มีเงินก้อนแต่ไม่พอปิดหนี้ทั้งหมด

 

หากคุณเป็นคนที่มีวินัยการเงินดี มีแผนการออมเงินที่ชัดเจน เช่น เลือกเปิดบัญชีเงินฝากประจํา คือบัญชีสำหรับออมเงินหลังจากเงินเดือนออก หรือออมเงินแบบ DCA คือการถัวเฉลี่ยลงทุนในระยะยาว โดยออมเงินมานานมากจนมีเงินก้อน แต่เงินก้อนที่มีไม่พอปิดหนี้ได้ทั้งหมด ก็สามารถขอปรับโครงสร้างหนี้ได้ ด้วยวิธีการที่เรียกว่า ‘แฮร์คัตหนี้’

 

การขอปรับโครงสร้างหนี้ด้วยวิธีแฮร์คัตหนี้ จะเป็นการให้เจ้าหนี้ลดยอดหนี้บางส่วนให้แก่ลูกหนี้ และลูกหนี้จะต้องจ่ายหนี้ที่เหลือทั้งหมด เช่น จากเดิมเป็นหนี้ 500,000 บาท เจ้าหนี้ลดหนี้ลงเหลือ 400,000 บาท หากลูกหนี้มีเงินก้อน 400,000 บาท ก็สามารถจ่ายปิดหนี้ได้ทันที

 

ไม่สามารถจ่ายหนี้ตามเวลาที่กำหนด

 

หากเป็นหนี้ที่ต้องชำระในระยะยาว เช่น หนี้บ้าน และเกิดปัญหาทางการเงินทำให้ไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนดเวลา ก็ควรขอปรับโครงสร้างหนี้บ้านโดยเร็ว เพราะเมื่อเกิดการผิดนัดชำระหนี้บ้านเกิดขึ้น สถาบันการเงินจะคิดดอกเบี้ยผิดนัดชำระ หรือที่เรียกกันว่าอัตราดอกเบี้ยค่าปรับไม่เกิน 3% จากอัตราดอกเบี้ยสัญญา

 

ซึ่งการคิดอัตราดอกเบี้ยค่าปรับ จะส่งผลให้ดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายในงวดถัดไปสูงขึ้น ทำให้เมื่อต้องจ่ายหนี้บ้านในงวดถัดไปแล้ว เงินต้นจะไม่ลดลง และต้องจ่ายหนี้บ้านนานกว่าเดิม จนกว่าจะปิดหนี้ได้ทั้งหมด

 

ปรับโครงสร้างหนี้ทำให้เสียประวัติไหม?

 

มาถึงคำถามสำคัญที่หลายคนอยากรู้ที่สุด นั่นคือการปรับโครงสร้างหนี้ ทำให้เสียประวัติไหม ? คำตอบคือ การปรับโครงสร้างหนี้มีผลต่อประวัติทางการเงินในฐานข้อมูลของเครดิตบูโรอย่างแน่นอน ซึ่งวิธีการปรับโครงสร้างหนี้แต่ละประเภทมีผลต่อเครดิตทางการเงินมากน้อยแตกต่างกัน แต่ทั้งนี้ ผลเสียของการปรับโครงสร้างหนี้น้อยกว่าการผิดนัดชำระหนี้ หรือปล่อยให้หนี้เสียเกิดขึ้น

 

แนะนำวิธีปรับโครงสร้างหนี้ง่าย ๆ ที่ใครก็ทำตามได้


 

เมื่อคุณรู้แล้วว่าเมื่อไหร่ที่ต้องปรับโครงสร้างหนี้ หากสงสัยว่าการไปถึงเป้าหมาย[a]ของการปิดหนี้ให้ได้โดยเร็วต้องทำอย่างไร และการปรับโครงสร้างหนี้ในข้อใดช่วยลดภาระดอกเบี้ยได้บ้าง อย่ารอช้า มาดูพร้อมกันเลย!

 

1. เปลี่ยนประเภทหนี้

 

การปรับโครงสร้างหนี้ประเภทนี้ พบได้บ่อยในหนี้ระยะสั้นอย่างหนี้บัตรเครดิต หรือสินเชื่อส่วนบุคคล โดยการเปลี่ยนประเภทหนี้เหมาะกับคนที่เป็นหนี้บัตรเครดิตหลายใบ เนื่องจากหนี้บัตรเครดิตแต่ละใบกำหนดเวลาชำระไม่เท่ากัน ทำให้จัดการหนี้สินได้ยาก  แต่เมื่อรวมหนี้บัตรเครดิตทุกใบเข้าด้วยกัน และเปลี่ยนเป็นหนี้ระยะยาวเพียงก้อนเดียว จะช่วยให้จัดการหนี้ได้ง่ายขึ้น รวมทั้งทำให้ยอดผ่อนชำระต่องวดต่ำลงอีกด้วย

 

2. ขอลดดอกเบี้ยชั่วคราว

 

การขอลดดอกเบี้ยชั่วคราวเหมาะกับผู้ที่มีปัญหาทางการเงินในระยะสั้นเท่านั้น เพราะถึงแม้ว่าดอกเบี้ยจะลดลงก็จริง แต่สถาบันการเงินก็ยังคงคิดดอกเบี้ยอยู่ โดยในระหว่างที่อัตราดอกเบี้ยลดลง ลูกหนี้ก็จะต้องผ่อนชำระหนี้ต่อไป

 

ซึ่งสถาบันการเงินแต่ละแห่งมีข้อกำหนดในการลดดอกเบี้ยชั่วคราวแตกต่างกันออกไป โดยลดได้ตั้งแต่ 3 เดือน - 6 เดือน นอกจากนี้บางสถาบันการเงินยังให้ลูกหนี้ลดดอกเบี้ยได้ชั่วคราวตามมาตรการของภาครัฐอีกด้วย

 

3. รีไฟแนนซ์

 

รีไฟแนนซ์ เป็นการขอสินเชื่อก้อนใหม่กับสถาบันการเงินที่เสนออัตราดอกเบี้ยที่ดีกว่า เพื่อนำเงินกู้มาปิดหนี้ก้อนเดิม โดยการรีไฟแนนซ์เหมาะกับผู้กู้ที่มีเครดิตทางการเงินดี และต้องการปิดหนี้ไวยิ่งขึ้น

 

อย่างไรก็ตาม สินเชื่อรีไฟแนนซ์มักมาพร้อมกับค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ทำให้ต้องประเมินว่าเมื่อขอรีไฟแนนซ์แล้วจะคุ้มค่าหรือไม่ นอกจากนี้สินเชื่อรีไฟแนนซ์ยังกำหนดเงื่อนไขคุณสมบัติของผู้กู้ด้วย เช่น ต้องผ่อนชำระหนี้เดิมมาแล้วไม่น้อยกว่า 3 - 5 ปี เป็นต้น

 

4. ขอพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ย

 

หากเกิดปัญหาการเงินจนไม่สามารถชำระหนี้ได้จริง ๆ ควรขอพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ย ซึ่งในระหว่างการพักชำระ ลูกหนี้จะไม่ต้องจ่ายหนี้ใด ๆ ทั้งสิ้น และค่อยชำระคืนภายหลังพ้นกำหนด แต่อย่างไรก็ตาม ในระหว่างการพักชำระ ดอกเบี้ยก็ไม่ได้ลดลง ทำให้หลังจากพ้นกำหนดพักชำระ ลูกหนี้จะต้องจ่ายคืนเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยที่คิดตามระยะเวลาที่พักชำระไป หมายความว่ายิ่งพักชำระนานเท่าไหร่ ดอกเบี้ยยิ่งมากขึ้นเท่านั้น ทำให้วิธีนี้ลูกหนี้จะต้องจ่ายหนี้มากขึ้น เมื่อเทียบกับวิธีการรีไฟแนนซ์หรือการขอลดดอกเบี้ย

 

5. ขยายเวลาชำระหนี้

 

หากเป็นหนี้ที่มีกำหนดเวลาชำระแน่นอน เช่น สินเชื่อเพื่อธุรกิจที่ครบกำหนดชำระภายใน 7 ปี ต่อมาผ่อนชำระมาถึงปีที่ 5 และเหลือระยะเวลาชำระอีก 2 ปี แต่เริ่มรู้สึกตึงมือ รายได้ที่เข้ามาเริ่มไม่แน่นอน ก็สามารถขอขยายระยะเวลาครบกำหนดชำระออกไปได้ ซึ่งการขอขยายเวลาชำระหนี้จะช่วยให้ยอดผ่อนต่อเดือนลดลง ทำให้มีสภาพคล่องเหลือไว้ใช้จ่าย หรือชำระหนี้อื่น ๆ ได้มากขึ้น

 

ปรับโครงสร้างหนี้ เทคนิคปิดหนี้ได้ไว ลดภาระผ่อนต่อเดือน

 

หวังว่าทุกคนจะได้รับคำตอบไปอย่างครบถ้วนแล้วว่าการปรับโครงสร้างหนี้คืออะไร และการปรับโครงสร้างหนี้ มีผลอย่างไรบ้าง จะเห็นได้ว่าการปรับโครงสร้างหนี้มีประโยชน์มากมาย ไม่ว่าจะเป็นการขยายระยะเวลาจ่ายหนี้ออกไป ทำให้มีเงินสดเหลือเพียงพอสำหรับจัดการค่าใช้จ่ายต่าง ๆ มากขึ้น หรือช่วยลดดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายต่องวด

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าการปรับโครงสร้างหนี้ จะส่งผลเสียต่อประวัติทางการเงินไปบ้าง แต่ก็ยังดีกว่าปล่อยให้เกิดหนี้เสีย ซึ่งจะนำมาสู่การฟ้องร้องและกู้เงินยากขึ้นในท้ายที่สุด

 

หากรู้สึกว่าหนี้ที่มีอยู่จ่ายดอกเบี้ยสูงเกินไป ติดภาระผ่อนบ้าน และกำลังจะผ่อนชำระไม่ไหว ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย พร้อมให้บริการสินเชื่อรีไฟแนนซ์ ที่จะช่วยให้คุณได้ดอกเบี้ยในเงื่อนไขที่ดีกว่าเดิม ลดภาระผ่อนต่อเดือนให้คุณผ่อนสบาย เคลียร์หนี้ได้เร็วกว่าเดิม อีกทั้งเรายังมีตัวช่วยออมเงินอย่างกองทุนรวมที่ครอบคลุมทั้งกองทุนรวมระยะสั้น และกองทุนรวมระยะยาว ซึ่งนอกจากจะช่วยออมเงินได้แล้ว ยังนำไปลดหย่อนภาษี 2568 ได้อีกด้วย

 

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ CIMB THAI Care Center โทร 02 626 7777 พร้อมติดตามข้อมูลเพิ่มเติมผ่านช่องทางออนไลน์ของธนาคารได้ดังต่อไปนี