คุณอยู่ที่

  • บทความ
  • ผลิตภัณฑ์ธนาคาร
  • ช่องทางบริการธนาคาร
  • เกี่ยวกับเรา
  • บริการช่วยเหลือ
  • ลิงก์ด่วน
ผลิตภัณฑ์ธนาคาร
เกี่ยวกับเรา
Financial Guru
Business Maker
Lifestyle Tips
ลงทุน
บริการโอนเงินระหว่างประเทศ
CIMB THAI App
ข่าวและกิจกรรม

 

ในชีวิตประจำวันของเรา อาจมีช่วงเวลาที่เราต้องการเงินด่วนเพื่อแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ไม่ว่าจะค่าใช้จ่ายฉุกเฉิน ค่ารักษาพยาบาล หรือค่าใช้จ่ายที่คาดไม่ถึงอื่น ๆ ในสถานการณ์แบบนี้ หลายคนอาจมองหาทางออกโดยการกู้เงินจากแหล่งต่าง ๆ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ "เงินกู้นอกระบบ" ที่ดูเหมือนจะเข้าถึงง่ายและรวดเร็ว แต่เบื้องหลังความสบายนั้นอาจนำไปสู่การเป็นหนี้นอกระบบที่บานปลายและกระทบต่อชีวิตในระยะยาว ซึ่งการขอสินเชื่อบุคคลจากสถาบันการเงินที่ถูกต้องตามกฎหมายอาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่า

แต่สำหรับคนที่เป็นหนี้นอกระบบไปแล้ว ควรทําไงดี? บทความนี้รวบรวมวิธีแก้ปัญหาหนี้นอกระบบมาให้ครบในที่เดียว!

 

เงินกู้นอกระบบคืออะไร ต่างจากเงินกู้ในระบบยังไงบ้าง?

 

เงินกู้นอกระบบ หรือ "เงินด่วนนอกระบบ" คือ การกู้ยืมเงินที่ไม่ผ่านสถาบันการเงินที่ถูกต้องตามกฎหมาย เช่น ธนาคาร บริษัทสินเชื่อ หรือสถาบันการเงินที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทยและกระทรวงการคลัง โดยแหล่งเงินกู้นอกระบบมักจะมาจากบุคคลทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน ญาติ หรือนายทุนอิสระ โดยสามารถสังเกตได้จากลักษณะดังนี้

  • มักไม่มีสัญญาที่เป็นลายลักษณ์อักษร หรือมีสัญญาที่ไม่เป็นไปตามกฎหมาย
  • อัตราดอกเบี้ยสูงเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ซึ่งอาจสูงถึงร้อยละ 20 ต่อเดือน หรือมากกว่านั้น (เงินกู้ในระบบมีดอกเบี้ยสูงสุดไม่เกิน 28% ต่อปี)
  • เงื่อนไขการชำระหนี้ที่ไม่เป็นธรรม เช่น การทวงหนี้ด้วยวิธีการข่มขู่ คุกคาม หรือใช้ความรุนแรง
  • การคิดดอกเบี้ยแบบทบต้น ทำให้ยอดหนี้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
  • สำหรับหนี้ระยะสั้น มักจะมีการเก็บดอกเบี้ยรายวัน โดยบวกทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยไว้ด้วยกัน โดยลูกหนี้ต้องชำระเงินต้นและดอกเบี้ยคืนให้แก่เจ้าหนี้เป็นรายวัน
  • สำหรับหนี้ระยะยาว มักจะเป็นการปล่อยเงินกู้นอกระบบที่มีระยะเวลามากกว่า 1 เดือนขึ้นไปจนถึงรายปี เช่น เงินกู้นอกระบบรายเดือน โดยมีการเก็บดอกเบี้ยรายเดือนจนกว่าจะมีเงินก้อนมาใช้คืน ในกรณีที่ยอดเงินกู้ที่สูงมาก อาจมีการใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน เช่น โฉนดที่ดิน

 

ตัวอย่างการคิดดอกเบี้ยเงินกู้นอกระบบ

 

ดอกเบี้ยที่ต้องจ่าย = เงินต้น x อัตราดอกเบี้ยต่อปี x ระยะเวลาผ่อน (ปี)

 

สมมติว่าคุณกู้เงินนอกระบบมา 100,000 บาท โดยมีดอกเบี้ย 20% ต่อเดือน เป็นระยะเวลา 1 ปี

ดอกเบี้ยต่อปี: 100,000 x (20% x 12) x 1 = 240,000 บาท

เงินที่ต้องจ่ายคืนทั้งหมด: 100,000 บาท + 240,000 บาท = 340,000 บาท

 

ในขณะที่การกู้เงินแบบถูกกฎหมายมีดอกเบี้ยสูงสุดคือไม่เกิน 25% ต่อปี

ดอกเบี้ยต่อปี: 100,000 x 25% x 1 = 25,000

เงินที่ต้องจ่ายคืนทั้งหมด: 100,000 บาท + 25,000 บาท = 125,000 บาท

 

จะเห็นได้ว่าดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายต่อปีของเงินกู้นอกระบบต่างจากการกู้เงินในระบบอย่างเห็นได้ชัด ทำให้การปิดหนี้นอกระบบจึงยากกว่าการปิดหนี้เงินกู้ในระบบที่มีดอกเบี้ยถูกกว่ามาก ดังนั้นจึงควรวางแผนการเงินให้ดี จะได้ไม่ต้องไปกู้นอกระบบ

 

ความเสี่ยงของการกู้เงินนอกระบบ มีอะไรบ้าง?

 

หลายคนอาจคิดว่าการยืมเงินกู้นอกระบบคือทางออกที่ง่ายและรวดเร็ว แต่จริง ๆ แล้วอาจส่งผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินของคุณอย่างคาดไม่ถึง มาทำความเข้าใจความเสี่ยงเหล่านี้กัน

 

รายละเอียดสัญญาไม่ชัดเจน

 

สัญญาเงินกู้นอกระบบมักมีรายละเอียดไม่ครบถ้วน หรือมีข้อความคลุมเครือที่เอื้อประโยชน์ให้กับผู้ให้กู้ ซึ่งอาจทำให้คุณเสียเปรียบเมื่อเกิดข้อพิพาท นอกจากนี้ ผู้ให้กู้อาจใช้กลอุบายต่าง ๆ เพื่อหลอกลวงหรือฉ้อโกง ทำให้คุณตกเป็นเหยื่อโดยไม่รู้ตัว

 

ดอกลอย

 

ผู้กู้เงินนอกระบบมักจะเจอ "ดอกลอย" ซึ่งเป็นวิธีการคิดดอกเบี้ยที่ไม่มีมาตรฐานและเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ผู้ให้กู้อาจปรับเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ยตามอำเภอใจ ทำให้คุณไม่สามารถวางแผนแก้ปัญหาหนี้นอกระบบได้อย่างแม่นยำ และอาจต้องเผชิญกับภาระหนี้ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เช่น กู้ 10,000 บาท คิดดอกเบี้ย 20% ต่อเดือน ต้องจ่ายดอกเบี้ย 2,000 บาททุกเดือน แม้ว่าจะจ่ายไปบางส่วน เงินต้นก็ยังอยู่เท่าเดิม ทำให้ติดหนี้นอกระบบในระยะยาว

 

อัตราดอกเบี้ยสูง

 

อัตราดอกเบี้ยของเงินกู้นอกระบบมักสูงกว่าที่กฎหมายกำหนด บางแห่งคิด 10-30% ต่อเดือน ซึ่งเท่ากับ 120-360% ต่อปี ในขณะที่กฎหมายกำหนดอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบุคคลไม่เกิน 25% ต่อปี เท่านั้น ดอกเบี้ยที่สูงเกินไปอาจทำให้ผู้กู้ไม่สามารถปลดหนี้นอกระบบได้ และเข้าสู่ภาวะหนี้สินล้นพ้นตัว

 

เจรจาประณีประนอมยาก

 

เงินกู้นอกระบบไม่มีการกำกับดูแลจากหน่วยงานรัฐ เจ้าหนี้มักไม่เปิดโอกาสให้ผู้กู้เจรจาขอลดดอกเบี้ย หรือผ่อนปรนการชำระหนี้ ต่างจากสถาบันการเงินที่สามารถปรับโครงสร้างหนี้ได้ ทำให้ผู้กู้ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องหาเงินมาจ่ายตามเงื่อนไขที่เจ้าหนี้กำหนด

 

โดนทวงหนี้ด้วยวิธีรุนแรง

 

หนึ่งในความเสี่ยงที่น่ากลัวที่สุดของการกู้นอกระบบคือวิธีการทวงหนี้ที่รุนแรง เช่น การข่มขู่ คุกคาม การประจาน หรือใช้ความรุนแรงต่อผู้กู้และครอบครัว ซึ่งเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายและอาจนำไปสู่ปัญหาทางอาญา

 

วิธีป้องกันกลโกงเงินกู้นอกระบบจากมิจฉาชีพ มีอะไรบ้าง?

 

เงินกู้นอกระบบอาจเป็นทางเลือกสุดท้ายของหลายคนที่ต้องการเงินด่วน แต่ผลที่ตามมาอาจสร้างภาระหนักจนยากจะแก้ไข สำหรับคนที่อยากปิดหนี้ทั้งหมดสามารถแก้ไขหนี้นอกระบบได้โดยใช้วิธีต่อไปนี้

 

ประเมินความสามารถของตนเองก่อนก่อหนี้

 

ก่อนที่จะตัดสินใจกู้เงินทุกครั้ง สิ่งสำคัญที่สุดคือการประเมินความสามารถในการชำระหนี้ของตนเองให้ดี พิจารณารายรับรายจ่ายทั้งหมด และประเมินความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น หากพบว่ารายได้ไม่เพียงพอต่อการชำระหนี้ ควรหลีกเลี่ยงการกู้เงิน หรือมองหาทางเลือกอื่นที่เหมาะสมกว่า

 

ขอคำปรึกษาหน่วยงานภาครัฐ

 

หากตกเป็นเหยื่อของหนี้นอกระบบแล้วต้องการกู้ปิดหนี้นอกระบบ สามารถขอคำปรึกษาเกี่ยวกับการจัดการหนี้สิน สอบถามแหล่งกู้เงินปิดหนี้นอกระบบ โดยขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานภาครัฐที่มีโครงการช่วยแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ ได้แก่

  • ศูนย์อำนวยการปฏิบัติการแก้ไขหนี้สินภาคประชาชน โทร. 1359
  • ศูนย์ช่วยเหลือลูกหนี้และประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม กระทรวงยุติธรรม โทร. 02-575-3344
  • ศูนย์ดำรงธรรม กระทรวงมหาดไทย โทร. 1567
  •  

ใช้กฎหมายในการตรวจสอบ

 

หลายคนเลือกกู้เงินนอกระบบโดยไม่ทันคิดว่าดอกเบี้ยจะพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว สิ่งสำคัญคือต้องตรวจสอบเงื่อนไขและอัตราดอกเบี้ยของเงินกู้ที่ใช้อยู่ ตามกฎหมายแพ่งและพาณิชย์กำหนดให้ดอกเบี้ยเงินกู้ ไม่เกิน 15% ต่อปี สำหรับสินเชื่อบุคคลภายใต้การกำกับ กฎหมายอนุญาตให้คิดดอกเบี้ยได้สูงสุด 25% ต่อปี เงินกู้นอกระบบแจ้งความได้ไหม? หากเจ้าหนี้คิดดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด สามารถแจ้งความหรือร้องเรียนได้ และศาลอาจพิจารณาตัดสินให้ดอกเบี้ยในส่วนที่เกินเป็น โมฆะ

 

เลือกกู้เงินในระบบแทน

 

การกู้เงินจากสถาบันการเงินในระบบ เช่น ธนาคาร บริษัทสินเชื่อ หรือสหกรณ์ออมทรัพย์ เป็นทางเลือกที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้มากกว่า เนื่องจากมีอัตราดอกเบี้ยเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด มีสัญญาที่เป็นลายลักษณ์อักษรชัดเจน มีหน่วยงานกำกับดูแล และมีผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่หลากหลายที่ตอบโจทย์ความต้องการ สำหรับใครที่ต้องการกู้เงินถูกกฎหมายโดยไม่ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกันแนะนำสินเชื่อบุคคลเอ็กซ์ตร้าแคช ของ CIMB ที่ฟรีค่าธรรมเนียมดำเนินการสินเชื่อ สมัครง่าย พร้อมใช้ ทุกที่ ทุกเวลา ยามฉุกเฉิน ผ่านแอป CIMB THAI และสินเชื่อบุคคลเพอร์ซันนัลแคช ผ่อนได้ยาว โดยมีอายุสัญญาตั้งแต่ 12 เดือน ถึง 72 เดือน วงเงินอนุมัติสูงสุด 5 เท่าของรายได้ สำหรับพนักงานประจำ

 

บอกลาเงินกู้นอกระบบ สมัครสินเชื่อบุคคล กับ CIMB THAI เพื่อการวางแผนการเงินที่ดีของคุณ

 

เงินกู้นอกระบบคือ การกู้ยืมเงินจากแหล่งที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย อีกทั้งยังมีความเสี่ยงสูงเนื่องจากดอกเบี้ยแพง สัญญาไม่ชัดเจน ทวงหนี้รุนแรง และถูกหลอกได้ง่าย ก่อนกู้ควรประเมินความสามารถในการชำระหนี้ ปรึกษาหน่วยงานรัฐ ตรวจสอบสัญญา และเลือกกู้เงินในระบบที่ปลอดภัยกว่า

สำหรับพนักงานมีรายได้ประจำที่ไม่รู้ว่าธนาคารไหนช่วยปิดหนี้นอกระบบและกำลังมองหาแหล่งเงินกู้ถูกกฎหมาย แนะนำสินเชื่อบุคคล เพอร์ซันนัลแคชของธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย ที่มียอดผ่อนชำระเท่ากันทุกเดือน แบบลดต้นลดดอก สามารถผ่อนได้ยาว อายุสัญญาตั้งแต่ 12 เดือน ถึง 72 เดือน ไม่ต้องมีหลักทรัพย์หรือคนค้ำประกัน เลือกชำระเงินได้หลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นชำระเงินสดที่เคาน์เตอร์ธนาคาร/ เคาน์เตอร์เซอร์วิส/ ที่ทำการไปรษณีย์/ ทรู พาร์ทเนอร์/ซีพี เฟรชมาร์ท/ โลตัส หักผ่านบัญชีอัตโนมัติ ประเภทบัญชีออมทรัพย์ของ ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย หรือชำระผ่าน แอป CIMB THAI หรือ PromptPay Bill Payment กับธนาคารที่ให้บริการ

 

สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ CIMB THAI Care Center โทร 02 626 7777 และติดตามข้อมูลเพิ่มเติมผ่านช่องทางออนไลน์ของธนาคารได้ดังต่อไปนี้