คุณอยู่ที่

  • บทความ
  • ผลิตภัณฑ์ธนาคาร
  • ช่องทางบริการธนาคาร
  • เกี่ยวกับเรา
  • บริการช่วยเหลือ
  • ลิงก์ด่วน
ผลิตภัณฑ์ธนาคาร
เกี่ยวกับเรา
Financial Guru
Business Maker
Lifestyle Tips
ลงทุน
บริการโอนเงินระหว่างประเทศ
CIMB THAI App
ข่าวและกิจกรรม

 

ไม่ว่าคุณจะมีหนี้บัตรเครดิต หรือ หนี้จากสินเชื่อต่าง ๆ แล้วต้องการที่จะลดภาระหนี้สินที่มีอยู่ ไม่อยากชำระหนี้ขั้นต่ำแล้ว การรวมหนี้เป็นก้อนเดียว ถือเป็นตัวช่วยที่ให้การจัดการหนี้เป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ในบทความนี้ เราจะมาพูดถึงเหตุผลว่าทำไมการรวมหนี้เป็นก้อนเดียวจึงเป็นทางเลือกที่ดีในการจัดการหนี้

 

รวมหนี้เป็นก้อนเดียว คืออะไร

การรวมหนี้เป็นก้อนเดียว (Debt consolidation) คือการนำหนี้ที่คุณมีอยู่จากหลาย ๆ แห่ง ไม่ว่าจะเป็นหนี้บัตรเครดิต หนี้สินเชื่อส่วนบุคคล หรือหนี้รายย่อยอื่น ๆ มารวมเป็นหนี้ก้อนเดียว โดยการขอสินเชื่อใหม่ที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าเพื่อนำมาชำระหนี้เก่าทั้งหมด  เพื่อช่วยให้คุณจัดการหนี้ได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถลดภาระดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายในระยะยาวได้

ทำไมการ รวมหนี้เป็นก้อนเดียว ถึงเป็นทางเลือกที่ดีในการจัดการหนี้

ในยุคปัจจุบันที่หลายคนมีภาระหนี้หลายส่วน การจัดการหนี้หลาย ๆ ก้อนพร้อมกัน อาจทำให้เกิดความสับสน หรือตกหล่นการจ่ายหนี้ได้ ซึ่งการรวมหนี้เป็นก้อนเดียว เป็นทางเลือกที่ช่วยลดความซับซ้อนในการชำระหนี้ได้ และยังมีข้อดีอีกมากมาย ดังนี้ 

1. ลดภาระดอกเบี้ย

หนี้บางประเภท เช่น หนี้บัตรเครดิต มักมีอัตราดอกเบี้ยสูงกว่าหนี้ประเภทอื่น การรวมหนี้ที่ดอกเบี้ยสูงนี้เข้ากับหนี้ประเภทอื่น เช่น สินเชื่อส่วนบุคคลหรือสินเชื่อบ้าน ที่อัตราดอกเบี้ยต่ำกว่า จะช่วยลดภาระดอกเบี้ยโดยรวมได้มาก นอกจากนี้ การรวมหนี้บางประเภทอาจมีโปรโมชันอัตราดอกเบี้ยต่ำในช่วงแรก ๆ ซึ่งจะเป็นการช่วยลดต้นทุนการจ่ายดอกเบี้ยในระยะยาว

2. ลดภาระการจัดการหนี้หลายส่วน

เมื่อมีหนี้หลายประเภท การติดตามและชำระเงินให้ตรงกำหนดเวลาอาจเป็นภาระที่ยุ่งยาก การรวมหนี้เป็นก้อนเดียวทำให้เราต้องชำระเพียงยอดเดียวต่อเดือน ช่วยลดความสับสนและลดความเสี่ยงในการลืมชำระหนี้ ซึ่งจะทำให้เราไม่ต้องเสียค่าปรับหรือถูกเรียกเก็บดอกเบี้ยเพิ่มเติม

3. ช่วยปรับสภาพทางการเงินและวางแผนการชำระหนี้ที่ชัดเจน

การรวมหนี้เป็นก้อนเดียวช่วยให้ผู้กู้มีโอกาสในการรีไฟแนนซ์หนี้ทั้งหมด ซึ่งมักจะทำให้การชำระคืนเป็นเรื่องที่สะดวกและวางแผนได้ชัดเจนขึ้น การมีการชำระหนี้ก้อนเดียวช่วยลดการหมุนเวียนหนี้และช่วยเพิ่มความสามารถในการวางแผนการเงิน โดยสามารถรู้ได้แน่ชัดว่าในแต่ละเดือนจะต้องจ่ายเงินเท่าไหร่ และเมื่อไหร่ถึงจะหมดหนี้อย่างแน่นอน 

4. เพิ่มความสามารถในการออมเงิน

การรวมหนี้เป็นก้อนเดียว ทำให้เรามีเงินเหลือเพื่อออมได้มากขึ้น แม้จะเป็นเพียงเล็กน้อย แต่หากนำเงินส่วนนี้ไปลงทุนหรือออมในระยะยาวก็จะช่วยสร้างความมั่นคงให้กับอนาคตได้มากขึ้น การไม่มีภาระหนี้มากเกินไปจะทำให้มีเสรีภาพในการบริหารเงินและมีโอกาสใช้จ่ายในสิ่งที่มีประโยชน์มากกว่า

5. เพิ่มโอกาสในการปรับปรุงเครดิตสกอร์

หนี้หลายก้อนอาจทำให้เครดิตสกอร์ของผู้กู้ลดลง โดยเฉพาะหากการชำระล่าช้า การรวมหนี้ให้เหลือเพียงก้อนเดียวสามารถช่วยลดอัตราการล่าช้าได้ ทำให้เครดิตสกอร์ของผู้กู้ค่อย ๆ ฟื้นตัวขึ้น อีกทั้งการจัดการหนี้ให้มีประสิทธิภาพช่วยให้ธนาคารหรือผู้ให้กู้เห็นว่าเรามีความรับผิดชอบในการชำระหนี้ ซึ่งจะทำให้เรามีโอกาสในการได้รับสินเชื่ออื่น ๆ ในอนาคตได้ง่ายขึ้น

 

รูปแบบการรวมหนี้เป็นก้อนเดียว มีอะไรบ้าง

1. การรวมหนี้จากสถาบันการเงินเดียวกัน

การรวมหนี้ในสถาบันการเงินเดียวกันเป็นวิธีที่ง่ายและสะดวกที่สุดในการจัดการหนี้สินที่มีอยู่ โดยการรวมหนี้ทั้งหมดที่มีกับสถาบันการเงินนั้น ๆ ไม่ว่าจะเป็นหนี้บัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล หรือหนี้ประเภทอื่น ๆ ให้อยู่ในสินเชื่อเดียวที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าและระยะเวลาการผ่อนชำระที่แน่นอน อีกทั้งยังเป็นการลดความยุ่งยากในการจัดการหนี้สินหลายบัญชี

2. การรวมหนี้ จากสถาบันการเงินหนึ่ง ไปยังอีกสถาบันการเงินหนึ่ง

กล่าวคือ เป็นการโอนหนี้ที่มีอยู่จากสถาบันการเงินเดิม ไม่ว่าจะเป็นหนี้บ้าน หนี้บัตรเครดิต หรือหนี้อื่น ๆ ไปรวมเป็นหนี้ก้อนเดียวกับสถาบันการเงินใหม่ ที่ให้ข้อเสนอที่ดีกว่า

อย่างไรก็ตาม การเลือกวิธีการรวมหนี้ที่เหมาะสม จะช่วยให้คุณสามารถจัดการหนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพและลดภาระดอกเบี้ย ทำให้การบริหารการเงินของคุณมีเสถียรภาพมากขึ้น

 

 

ขั้นตอนการรวมหนี้เป็นก้อนเดียว ต้องทำอย่างไร

หากคุณมีหนี้บัตรเครดิต รวมถึงหนี้สินอื่น ๆ แล้วต้องการที่จะรวมหนี้ให้เป็นก้อนเดียว มาดูกันว่าขั้นตอนการรวมหนี้ให้เป็นก้อนเดียว ทำอย่างไร

1. ลิสต์รายการหนี้ที่มีอยู่

เริ่มด้วยการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับหนี้ที่คุณมีทั้งหมด เพื่อประเมินเบื้องต้นว่า สินเชื่อรวมหนี้เป็นก้อนเดียวที่เราต้องการขอจำนวนเงินเท่าไหร่ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเรามีบัตรเครดิตทั้งหมด 3 ใบ โดยยอดหนี้บัตรเครดิต 30,000 บาทจำนวน 2 ใบ และ 40,000 บาท อีก1 ใบ รวมทั้งหมด 100,000 บาท เท่ากับว่าเราต้องได้สินเชื่อไม่ต่ำกว่า 100,000 บาท เพื่อให้ครอบคลุมหนี้บัตรเครดิตทั้งหมด

2. ประเมินความสามารถในการผ่อนชำระต่อเดือน

วิธีการคำนวณค่างวดที่จะใช้ผ่อนชำระกับทางธนาคารก็คือ นำรายได้ที่เรามีหักค่าใช้จ่ายทั้งหมดในแต่ละเดือน เช่น ถ้าเรามีรายได้สุทธิต่อเดือน 35,000 บาท ค่าใช้จ่ายต่อเดือนทั้งหมด 20,000 บาท เท่ากับว่าเราจะเหลือเงิน 15,000 บาท สำหรับผ่อนกับทางธนาคาร และยิ่งเราผ่อนจ่ายต่อเดือนมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้เราปิดหนี้บัตรเครดิตได้เร็วขึ้นเท่านั้น ซึ่งการที่เราผ่อนชำระครบก่อนกำหนด จะทำให้เราเสียดอกเบี้ยน้อยลงไปด้วย

3. เลือกธนาคารที่ให้บริการรวมหนี้เป็นก้อนเดียว

หาข้อมูลธนาคารที่ให้บริการรวมหนี้ โดยเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยของแต่ละธนาคาร และจากเงื่อนไขที่ตรงกับความต้องการของคุณมากที่สุด โดยส่วนใหญ่ธนาคารจะมีรูปแบบการผ่อนชำระตั้งแต่ 12 - 60 เดือน ช่วยให้คุณบริหารจัดการหนี้ได้ง่ายขึ้น ลดภาระดอกเบี้ยลง

 

 

การรวมหนี้เป็นก้อนเดียวเป็นทางเลือกที่ดีในการจัดการหนี้ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดภาระดอกเบี้ยและทำให้การชำระหนี้สะดวกขึ้น อย่างไรก็ตาม ผู้กู้ควรทำความเข้าใจขั้นตอนและเปรียบเทียบเงื่อนไขต่าง ๆ ก่อนยื่นขอสินเชื่อ เพื่อให้การรวมหนี้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและช่วยให้เราปิดหนี้ทั้งหมดได้เร็วขึ้น

 

และถ้าคุณต้องการเงินก้อนเพื่อลดค่าใช้จ่ายหนี้บัตรเครดิต รวมถึงสินเชื่ออื่น ๆ การ รวมหนี้เป็นก้อนเดียว เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย ขอแนะนำ สินเชื่อบุคคล เพอร์ซันนัลแคช เงินก้อนพร้อมใช้ ให้ทุกความฝันได้เป็นจริง ยอดผ่อนชำระเท่ากันทุกเดือน แบบลดต้นลดดอก กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว สมัครได้ผ่านแอป CIMB THAI อนุมัติไว ได้เงินเร็ว สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ทาง CIMB Thai Care Center 02 626 7777 หรือ คลิกที่นี่