คุณอยู่ที่

  • บทความ
  • ผลิตภัณฑ์ธนาคาร
  • ช่องทางบริการธนาคาร
  • เกี่ยวกับเรา
  • บริการช่วยเหลือ
  • ลิงก์ด่วน
ผลิตภัณฑ์ธนาคาร
เกี่ยวกับเรา
Financial Guru
Business Maker
Lifestyle Tips
ลงทุน
บริการโอนเงินระหว่างประเทศ
CIMB THAI App
ข่าวและกิจกรรม

 

ในโลกดิจิทัลที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญอย่างมากในชีวิตประจำวัน ความสะดวกสบายจากการใช้งานอินเทอร์เน็ตและอุปกรณ์ดิจิทัลต่าง ๆ กลับกลายเป็นช่องทางที่เปิดโอกาสให้ผู้ไม่หวังดีอย่าง มัลแวร์ (Malware) และ สแกมเมอร์ (Scammers) ที่อาจจะแฝงตัวเข้ามาก่อความเสียหายต่อข้อมูลส่วนตัวและการเงินของเราได้อย่างง่ายดาย และสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน แล้ว Malware คืออะไร สแกมเมอร์คืออะไร ถ้าเราตกเป็นเหยื่อสามารถแจ้งความออนไลน์โดนหลอกโอนเงินได้อย่างไร หาคำตอบได้จากบทความนี้

 

ทำความรู้จักภัยออนไลน์ มัลแวร์ และ สแกมเมอร์ คืออะไร

มั่นใจได้ว่าหลายคนอาจเคยได้ยิน 2 คำนี้มาแล้วบ้าง ทั้ง มัลแวร์ และ สแกมเมอร์ คือภัยคุกคามทางอินเทอร์เน็ตที่พร้อมจะโจมตีผู้ใช้ที่ไม่ทันระวัง แล้วทั้ง 2 อย่างนี้แตกต่างกันอย่างไร 

 

Malware คืออะไร

มัลแวร์ (Malware) ย่อมาจาก Malicious Software หรือโปรแกรมที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อก่อกวนหรือทำลายระบบคอมพิวเตอร์ มีหลากหลายประเภท โดยแต่ละประเภทมีวิธีการทำงานและเป้าหมายที่แตกต่างกัน อาทิ

1. Virus (ไวรัส)

เป็นมัลแวร์ที่แฝงตัวเข้ากับโปรแกรมหรือไฟล์อื่น ๆ เมื่อโปรแกรมหรือไฟล์นั้นถูกเปิดใช้งาน ไวรัสก็จะเริ่มทำงาน โดยทั่วไปไวรัสจะกระจายตัวไปยังไฟล์และโปรแกรมอื่น ๆ ในคอมพิวเตอร์ หรือแม้กระทั่งแพร่กระจายไปยังคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นผ่านทางเครือข่ายหรืออุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล เช่น แฟลชไดร์ฟ

2. Worm (เวิร์ม)

เป็นมัลแวร์ที่สามารถกระจายตัวได้ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องพึ่งพาโปรแกรมหรือไฟล์อื่น เวิร์มสามารถแพร่กระจายผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตหรือเครือข่ายคอมพิวเตอร์ภายในองค์กร และสามารถทำให้ระบบเครือข่ายทำงานช้าลงหรือไม่สามารถทำงานได้

3. Trojan (โทรจัน)

เป็นมัลแวร์ที่แอบแฝงตัวมาในรูปแบบของโปรแกรมหรือไฟล์ที่ดูเหมือนไม่มีอันตราย แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่ผู้ใช้ดาวน์โหลดและติดตั้งโปรแกรมหรือเปิดไฟล์นั้น โทรจันจะเริ่มทำงานและเปิดช่องทางให้ผู้ไม่หวังดีเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์ได้ โทรจันอาจถูกใช้เพื่อขโมยข้อมูลส่วนตัว หรือติดตั้งมัลแวร์อื่น ๆ ลงในเครื่อง

4. Ransomware (แรนซัมแวร์)

เป็นมัลแวร์ที่เข้ารหัสไฟล์หรือระบบคอมพิวเตอร์ของเหยื่อ ทำให้เหยื่อไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลของตนเองได้ จากนั้นแรนซัมแวร์จะเรียกร้องค่าไถ่เพื่อแลกกับการปลดล็อกข้อมูล แรนซัมแวร์สามารถแพร่กระจายผ่านทางอีเมล ฟิชชิ่ง หรือการดาวน์โหลดไฟล์จากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ

 

 

มีวิธีป้องกันไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของ มัลแวร์ ได้อย่างไร

มัลแวร์ทั้ง 4 ตัวที่ได้กล่าวไป ล้วนแล้วแต่สร้างความเสียหายต่อการใช้งานอินเทอร์เน็ตเป็นอย่างมาก และนี่คือวิธีการป้องกันไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมัลแวร์อย่างมีประสิทธิภาพ 

1. ระมัดระวังในการเปิดอีเมลและลิงก์ที่ไม่รู้จัก

อีเมลฟิชชิ่งและลิงก์ที่ไม่น่าเชื่อถือเป็นวิธีที่สแกมเมอร์ใช้เพื่อส่งมัลแวร์มายังคอมพิวเตอร์ของคุณ ควรระมัดระวังในการเปิดอีเมลจากผู้ส่งที่ไม่รู้จัก และไม่คลิกลิงก์ที่แนบมากับอีเมลหากไม่แน่ใจว่าเป็นลิงก์ที่ปลอดภัย

2. ติดตั้งโปรแกรมป้องกันไวรัสและอัปเดตอยู่เสมอ

โปรแกรมป้องกันไวรัสเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยป้องกันมัลแวร์จากการเข้าถึงคอมพิวเตอร์ของคุณ ควรเลือกใช้โปรแกรมป้องกันไวรัสที่มีความน่าเชื่อถือและมีการอัปเดตฐานข้อมูลไวรัสอย่างสม่ำเสมอ โปรแกรมป้องกันไวรัสจะช่วยสแกนและกำจัดมัลแวร์ก่อนที่จะทำความเสียหายต่อระบบ

3. สำรองข้อมูลเป็นประจำ

การสำรองข้อมูลเป็นวิธีที่ดีในการป้องกันการสูญหายของข้อมูลสำคัญ หากคอมพิวเตอร์ของคุณติดมัลแวร์ การมีสำรองข้อมูลจะช่วยให้คุณสามารถกู้คืนข้อมูลกลับมาได้โดยไม่ต้องเสียเวลาและเงินในการกู้ข้อมูล และหากข้อมูลของคุณถูกบันทึกไว้ใน แฟลชไดร์ฟ (USB) หรืออุปกรณ์เชื่อมต่ออื่น ๆ แนะนำให้สแกนไวรัสทุกครั้งก่อนใช้งาน

4. หลีกเลี่ยงการดาวน์โหลดไฟล์จากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ

การดาวน์โหลดไฟล์หรือโปรแกรมจากเว็บไซต์ที่ไม่น่าเชื่อถือเป็นหนึ่งในวิธีที่มัลแวร์สามารถเข้าถึงคอมพิวเตอร์ของคุณได้ ควรหลีกเลี่ยงการดาวน์โหลดไฟล์จากแหล่งที่ไม่รู้จักและไม่แน่ใจ 

 

Scammers คืออะไร

สแกมเมอร์คือผู้ที่ใช้วิธีการหลอกลวงผ่านทางอินเทอร์เน็ตเพื่อหาประโยชน์จากเหยื่อ โดยรูปแบบการหลอกลวงของสแกมเมอร์มีหลากหลายช่องทาง ขึ้นอยู่กับกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกันออกไป เช่น

1. ฟิชชิ่ง (Phishing)

เป็นการหลอกลวงผ่านทางอีเมลหรือข้อความ โดยผู้หลอกลวงจะส่งอีเมลหรือข้อความที่ดูเหมือนมาจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ เช่น ธนาคารหรือเว็บไซต์ที่ผู้ใช้คุ้นเคย เพื่อขอให้ผู้ใช้กรอกข้อมูลส่วนตัวหรือข้อมูลทางการเงิน เมื่อเหยื่อตอบกลับข้อมูล ผู้หลอกลวงก็จะนำข้อมูลนั้นไปใช้ในทางที่ผิด

2. การหลอกลวงผ่านโซเชียลมีเดีย (Social Media Scams)

เป็นการสร้างบัญชีโซเชียลมีเดียปลอมที่แอบอ้างเป็นเพื่อนหรือคนรู้จัก เพื่อขอเงินหรือข้อมูลส่วนตัว อีกทั้งยังมีการหลอกลวงผ่านโฆษณาปลอมบนโซเชียลมีเดีย ที่เสนอสินค้าหรือบริการที่ไม่เป็นความจริง

3. การหลอกลวงทางการเงิน (Financial Scams)

สแกมเมอร์อาจใช้วิธีการแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคารหรือหน่วยงานทางการเงิน เพื่อขอข้อมูลบัญชีธนาคารหรือรหัสผ่าน อีกทั้งยังมีการหลอกลวงให้เหยื่อโอนเงินไปยังบัญชีของผู้หลอกลวง โดยอ้างว่าเป็นการตรวจสอบหรือการยืนยันตัวตน

4. การหลอกลวงผ่านการขายของออนไลน์ (Online Shopping Scams)

สแกมเมอร์อาจสร้างเว็บไซต์หรือร้านค้าออนไลน์ปลอมขึ้นมาเพื่อหลอกลวงผู้ซื้อ โดยเสนอสินค้าราคาถูกหรือสินค้าที่มีความต้องการสูง เมื่อเหยื่อทำการสั่งซื้อและชำระเงิน สินค้าที่สั่งซื้ออาจไม่ถูกส่งมา หรือเป็นสินค้าที่ไม่ตรงกับคำโฆษณา

 

 

มีวิธีป้องกันไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของ สแกมเมอร์ ได้อย่างไร

  • ตรวจสอบแหล่งที่มาของอีเมลหรือข้อความ 

  • ไม่คลิกลิงก์หรือดาวน์โหลดไฟล์จากอีเมลหรือข้อความที่ไม่น่าเชื่อถือ 

  • ควรตรวจสอบที่มาของอีเมลและความถูกต้องของข้อมูลก่อนตอบกลับ

  • ไม่ควรให้ข้อมูลส่วนตัวหรือข้อมูลทางการเงินผ่านทางอีเมล โทรศัพท์ หรือข้อความ โดยไม่มีการตรวจสอบความถูกต้องและความน่าเชื่อถือของผู้ที่ขอข้อมูล 

 

การรู้เท่าทันภัยคุกคามทั้งจากมัลแวร์ และ สแกมเมอร์ เป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันตัวเองจากการตกเป็นเหยื่อ การใช้เทคโนโลยีอย่างปลอดภัย การมีความรู้และการระมัดระวังจะช่วยให้เราปลอดภัยจากภัยร้ายเหล่านี้และสามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตและอุปกรณ์ดิจิทัลได้อย่างมั่นใจมากยิ่งขึ้น

 

ถ้าโดนหลอกให้โอนเงิน ต้องทำยังไง

ในยุค สังคมไร้เงินสด การโอนเงินผ่านช่องทางออนไลน์เพื่อใช้จ่ายในชีวิตประจำวันแม้จะเป็นเรื่องปกติ แต่ก็แฝงด้วยภัยร้ายจาก "มิจฉาชีพ" ที่หลอกให้โอนเงิน หลายคนอาจเคยประสบเหตุการณ์นี้ ถ้าเราโดนหลอกให้โอนเงินต้องทํายังไง มีวิธีแจ้งความโดนหลอกโอนเงินอย่างไร แล้วจะมีโอกาสได้เงินคืนหรือไม่

 

วิธีแจ้งความโดนหลอกโอนเงิน ต้องทำยังไง

เมื่อคุณถูกหลอกให้โอนเงิน สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องตั้งสติ แล้วทำตามขั้นตอนต่อไปนี้

1. รวบรวมหลักฐานทั้งหมด

ไม่ว่าจะเป็น หลักฐานการโอนเงิน สลิป ข้อความหรืออีเมลที่ได้รับจากผู้หลอกลวง รวมถึงรายละเอียดการโอนเงิน เช่น วันที่และเวลาที่โอน หมายเลขบัญชีที่โอนเงินไป ให้ครบถ้วน

2. ติดต่อธนาคารเจ้าของบัญชีที่โอนเงิน

แจ้งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและขอให้ธนาคารทำการยกเลิก หรือระงับการโอนเงิน โดยเราจะได้รับ Case ID ผ่านทาง SMS เพื่อให้คุณนำไปใช้แจ้งความ

3. แจ้งความกับตำรวจ

หลังจากที่ติดต่อธนาคารแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือนำหลักฐานทั้งหมดที่มีไปแจ้งความที่สถานีตำรวจในบริเวณใกล้เคียง โดยนำเลข Bank Case ID จากธนาคาร ให้กับเจ้าหน้าที่ นอกจากนี้คุณสามารถ แจ้งความออนไลน์โดนหลอกโอนเงิน ผ่านเว็บไซต์ thaipoliceonline.com ภายใน 72 ชั่วโมง 

 

แจ้งความออนไลน์โดนหลอกโอนเงินไปแล้ว จะมีโอกาสได้เงินคืนหรือไม่

โอกาสที่เราจะได้เงินคืนหรือไม่? ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ความรวดเร็วในการแจ้งความ หลักฐานที่มี และ ประเภทของการหลอกลวง โดยทั่วไปแล้ว กรณีที่ตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ โอกาสที่เราจะได้เงินคืนก็มีความเป็นไปได้สูง แต่ถ้ากรณีที่ผู้ต้องหาหลบหนี โอกาสได้เงินคืนจะน้อยลง ขึ้นอยู่กับว่าเงินโอนไปยังบัญชีใคร

การป้องกันตัวเองจาก มัลแวร์ และ สแกมเมอร์ เป็นเรื่องสำคัญที่ทุกคนควรรู้เท่าทัน เพื่อป้องกันข้อมูลส่วนตัวและระบบคอมพิวเตอร์ของตนเอง การติดตั้งโปรแกรมป้องกันไวรัสที่มีประสิทธิภาพ อัปเดตระบบปฏิบัติการและซอฟต์แวร์อยู่เสมอ และอย่ากดลิงก์หรือแนบไฟล์จากแหล่งที่มาไม่น่าเชื่อถือ และถ้าเราโดนหลอกให้โอนเงิน ปัจจุบันเราสามารถแจ้งความออนไลน์โดนหลอกโอนเงินได้แล้ว และสำหรับ ลูกค้าธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย สามารถสอบถามและแจ้งเหตุภัยทางการเงิน ได้ตลอด 24 ชั่วโมง โทร 02-626-7777 กด 12 หรือ คลิกที่นี่