มาทำความรู้จักประเภทของ Hybrid Workplace ทั้ง 5 แบบ
เราได้พูดถึงวิธีการทำงานแบบ Hybrid รวมถึงข้อดีกันไปแล้ว ก็มาถึงรูปแบบการทำงาน Hybrid Workplace กันบ้าง ซึ่งมีหลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับความต้องการขององค์กรและลักษณะงานของพนักงาน ดังนี้
1. Remote-Friendly
เป็นการทำงานแบบ Hybrid ที่พนักงานส่วนใหญ่ทำงานจากที่ไหนก็ได้ แต่ก็สามารถเข้าออฟฟิศได้เมื่อต้องการ เหมาะกับงานที่ไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์หรือการติดต่อสื่อสารในออฟฟิศ
2. Remote – First
เป็นการทำงานแบบ Hybrid ที่ต่างจากข้อแรกคือ เน้นทำงานจากระยะไกลเป็นหลัก เข้าออฟฟิศเป็นบางกรณี หรือมีการนัดหมายต่าง ๆ เหมาะกับงานที่สามารถทำงานออนไลน์ได้ทั้งหมด
3. Fixed Hybrid
เป็นการทำงานแบบ Hybrid ที่จะแบ่งเฉพาะกลุ่ม ก็คือจะมีบางส่วนที่ยังคงทำงานในออฟฟิศ และบางส่วนที่ทำงานจากระยะไกล ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแต่ละบริษัทว่าจะกำหนดสัดส่วนอย่างไร
4. Collaboration Days
เป็นการทำงานแบบ Hybrid ที่เน้นการทำงานจากระยะไกลเป็นหลัก แต่จะมีการเข้าออฟฟิศในบางวันเพื่อทำงานร่วมกัน เหมาะกับงานที่ต้องการการระดมความคิด การทำงานเป็นทีม หรือการสร้างความสัมพันธ์
5. Office First
เน้นการทำงานในออฟฟิศเป็นหลัก แต่สามารถทำงานแบบ Work from anywhere ได้เป็นบางกรณี
Hybrid Workplace เป็นรูปแบบการทำงานที่มีศักยภาพ เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้การที่จะเลือกรูปแบบการทำงาน Hybrid Workplace อย่างไรนั้น ก็ขึ้นอยู่กับรูปแบบของธุรกิจและลักษณะงานด้วย
เพราะอะไรคนรุ่นใหม่ ถึงเลือกงานที่เป็น Hybrid Work มากขึ้น
แม้ปัจจุบันรูปแบบการทำงานแบบดั้งเดิมที่เข้าออฟฟิศ 5 วันต่อสัปดาห์ กำลังจะถูกแทนที่ด้วยการทำงานในรูปแบบใหม่ ๆ ซึ่งการทำงานแบบ Hybrid Work ได้รับความนิยมอย่างมาก โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่ และนี่คือสาเหตุที่คนรุ่นใหม่ถึงเลือกงานที่เป็น Hybrid Work มากขึ้น
1. เพราะคนรุ่นใหม่หันมาใส่ใจ Work-Life Balance มากขึ้น
ต้องบอกว่ายุคนี้คนรุ่นใหม่หันมาสนใจเรื่องของการหาสมดุลระหว่างการทำงาน และ ชีวิตส่วนตัว หรือ Work-Life Balance มากขึ้น อีกทั้งพวกเขายังมองหางานที่มีความยืดหยุ่น และ มีความคล่องตัวในการทำงาน ซึ่งปัจจุบันหลายองค์กรเริ่มนำแนวคิดนี้มาใช้ เพื่อจูงใจคนรุ่นใหม่ให้มาร่วมงาน ซึ่งการทำงานแบบ Hybrid Work ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้อย่างเต็มที่ และในขณะเดียวกันพวกเขาก็มีความสุขกับชีวิตส่วนตัว
2. Hybrid Work ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้ดีขึ้น
ข้อดีอีกข้อหนึ่งที่เห็นได้ชัดเจนคือ การทำงานแบบ Hybrid Work ช่วยให้เราโฟกัสงานที่อยู่ตรงหน้าได้ดีขึ้น มีสมาธิจดจ่อกับการทำงาน โดยไม่มีอะไรมารบกวน ทำให้เราทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่ต้องยึดติดว่าจะต้องเข้าออฟฟิศตั้งแต่ 9 โมงเช้าเลิกงาน 6 โมงเย็นแบบเดิม ๆ อีกทั้งยังช่วยทำให้เรามีเวลามากขึ้น ไม่ต้องเสียเวลาไปกับการเดินทาง