การเลือกลงทุนในกองทุนรวมให้เหมาะกับเป้าหมายทางการเงินเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะกองทุนประเภทลดหย่อนภาษีที่มีเงื่อนไขการถือครองแตกต่างกัน โดย Thai ESG คือทางเลือกที่เหมาะกับนักลงทุนดังต่อไปนี้
- คนที่มองหาการลงทุนระยะกลาง ต้องการถือครองการลงทุนประมาณ 8 ปี ไม่นานเท่า SSF ซึ่งต้องถือ 10 ปี และมีระยะเวลาที่แน่นอนกว่า RMF ที่ต้องถือจนอายุ 55 ปี
- นักลงทุนที่สนใจธุรกิจยั่งยืน เชื่อมั่นในศักยภาพการเติบโตของธุรกิจที่ดำเนินตามหลัก ESG และต้องการสนับสนุนบริษัทที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมและสังคม
- คนที่ต้องการลดหย่อนภาษีและมองหาเครื่องมือใหม่ ๆ นอกเหนือจากกองทุน SSF และ RMF เพราะ Thai ESG ลดหย่อนภาษีได้โดยมีเงื่อนไขที่ยืดหยุ่นกว่า
- คนรุ่นใหม่ที่เริ่มวางแผนภาษีหรือมีอายุน้อยกว่า 45 ปี และต้องการเริ่มต้นลงทุนเพื่อลดหย่อนภาษี แต่ยังไม่ต้องการผูกมัดเงินไว้นานเกินไป
- คนที่เข้าใจความเสี่ยงจากการลงทุน และยอมรับความผันผวนในระยะสั้นเพื่อโอกาสผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวได้
- นักลงทุนที่ชอบกลยุทธ์ DCA (Dollar-Cost Averaging) สามารถวางแผนทยอยลงทุนเพื่อลดความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาด
สำหรับใครที่กำลังสนใจลงทุน DCA และต้องการเรียนรู้ข้อมูลเพิ่มเติม สามารถอ่านบทความอ่านได้ที่ : DCA คืออะไร กลยุทธ์การลงทุนที่ดีที่สุดสำหรับนักลงทุนที่มีวินัย
ไขข้อสงสัย ลงทุนกองทุน Thai ESG ลดหย่อนภาษีได้ไหม วงเงินสูงเท่าไหร่
กองทุน ESG ลดหย่อนภาษีเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่ต้องการประหยัดภาษีเพิ่มเติมจากกองทุนลดหย่อนภาษีประเภทอื่น โดยมีสิทธิประโยชน์ที่น่าดึงดูดใจและเงื่อนไขสำคัญ ดังนี้
- วงเงินลดหย่อนสูงสุด : ลงทุนในกองทุน Thai ESG ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 30% ของรายได้ต่อปี แต่ไม่เกิน 300,000 บาท
- ระยะเวลาการถือครอง : ต้องถือหน่วยลงทุนไม่น้อยกว่า 5 ปีเต็มนับจากวันที่ลงทุน (นับแบบวันชนวัน) โดยซื้อปีไหนลดหย่อนภาษีได้ในปีนั้น
- วงเงินแยกต่างหาก : วงเงินลงทุนในกองทุน ESG ไม่ถูกรวมกับวงเงินของ SSF, RMF, PVD, กบข., กองทุนครูเอกชน, กอช. และเบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ โดยเมื่อรวมวงเงินลดหย่อนจาก Thai ESG กับกองทุนเกษียณอื่น ๆ สามารถใช้สิทธิ์ลดหย่อนได้สูงสุดถึง 900,000 บาทต่อปี
- ระยะเวลาการใช้สิทธิ์ : สามารถใช้สิทธิ์เพื่อลดหย่อนภาษีได้ในช่วงปี พ.ศ. 2566 – 2575 ตามที่ภาครัฐกำหนด
- ไม่บังคับซื้อต่อเนื่อง : ไม่จำเป็นต้องซื้อต่อเนื่องทุกปีเหมือนกองทุน RMF สามารถเลือกลงทุนในปีที่ต้องการใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีได้
เทียบให้ชัด กองทุน Thai ESG ต่างจากกองทุนลดภาษีแบบอื่นอย่างไร?
อย่างที่กล่าวไปว่ากองทุน Thai ESG คือทางเลือกลงทุนใหม่นอกเหนือจาก RMF และ SSF สำหรับคนที่ต้องการประหยัดภาษีผ่านการลงทุน ซึ่งกองแต่ละประเภทมีความแตกต่างในหลายด้าน ดังนี้
สินทรัพย์ที่ลงทุนได้
- Thai ESG จำกัดเฉพาะหุ้นไทยและตราสารหนี้ไทยที่ผ่านเกณฑ์ด้านความยั่งยืน (ESG) เท่านั้น
- SSF ลงทุนได้หลากหลายทั้งในและต่างประเทศ ครอบคลุมตราสารหนี้ หุ้น และสินทรัพย์ทางเลือก
- RMF มีความยืดหยุ่นเหมือน SSF สามารถลงทุนได้ทั้งในและต่างประเทศในหลากหลายสินทรัพย์
ระยะเวลาลงทุน
- Thai ESG ถือครองอย่างน้อย 5 ปีเต็ม นับแบบวันชนวัน ไม่บังคับซื้อต่อเนื่อง
- SSF ถือครองอย่างน้อย 10 ปีเต็ม นับแบบวันชนวัน ไม่บังคับซื้อต่อเนื่อง
- RMF ถือครองจนอายุ 55 ปีบริบูรณ์และลงทุนมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี ซื้อปีเว้นปีได้
วงเงินลงทุนและสิทธิประโยชน์ทางภาษี
- Thai ESG ลดหย่อนได้สูงสุด 30% ของเงินได้ ไม่เกิน 300,000 บาท โดยแยกต่างหากจากวงเงินลดหย่อนกองทุนเพื่อการเกษียณอื่น ๆ
- SSF ลดหย่อนได้สูงสุด 30% ของเงินได้ ไม่เกิน 200,000 บาท และอยู่ในวงเงินรวมกับกองทุนเพื่อการเกษียณอื่น ๆ ไม่เกิน 500,000 บาท
- RMF ลดหย่อนได้สูงสุด 30% ของเงินได้ อยู่ในวงเงินรวมกับกองทุนเพื่อการเกษียณอื่น ๆ ไม่เกิน 500,000 บาท
แนวทางเลือกกองทุน Thai ESG ให้เหมาะกับสไตล์การลงทุน
ปัจจุบันการลงทุนในกองทุน ESG มีหลากหลายรูปแบบให้เลือก โดยคำถามที่นักลงทุนหลายคนมักสงสัยคือ Thai ESG กองไหนดีให้เหมาะกับพอร์ตการลงทุนของตัวเอง? ซึ่งสามารถพิจารณาได้จากประเภทกองทุนและระดับความเสี่ยงที่แต่ละคนยอมรับได้ ดังนี้
- กองทุน Thai ESG ตราสารหนี้ ความเสี่ยงระดับต่ำ เหมาะกับนักลงทุนที่เน้นความปลอดภัยของเงินต้น ให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าการฝากเงินกับธนาคารทั่วไป เป็นทางเลือกสำหรับนักลงทุนที่ต้องการความมั่นคง
- กองทุนผสม ESG ความเสี่ยงระดับปานกลาง มีการกระจายการลงทุนระหว่างหุ้น ESG และตราสารหนี้ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการกระจายความเสี่ยง ให้โอกาสรับผลตอบแทนที่สูงขึ้นกว่ากองทุนกลุ่มแรก
- กองทุน Thai ESG หุ้น ความเสี่ยงระดับสูง ลงทุนในหุ้นที่ดำเนินธุรกิจตามหลัก ESG เท่านั้น มีโอกาสได้รับผลตอบแทนสูงในระยะยาว เหมาะกับนักลงทุนที่สามารถรับความผันผวนได้สูงและมองหาการเติบโตของเงินลงทุน
ลงทุน Thai ESG ผลตอบแทนดี CIMB THAI Bank พร้อมคัดสรรกองทุนรวมมาให้คุณ
สรุปแล้ว Thai ESG คือกองทุนที่เปิดโอกาสให้นักลงทุนได้มีส่วนร่วมในการสนับสนุนธุรกิจที่ดำเนินงานตามแนวทางความยั่งยืน ผ่านการคัดเลือกจากหุ้นไทยและตราสารหนี้ไทยที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม (Environmental) สังคม (Social) และบรรษัทภิบาล (Governance) เหมาะสำหรับคนที่ต้องการลงทุนเพื่ออนาคตและสนใจผลักดันการเติบโตอย่างยั่งยืนในประเทศไทย
การลงทุนใน Thai ESG จึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่ต้องการสนับสนุนธุรกิจที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมและสังคม ไปพร้อมกับการสร้างผลตอบแทนทางการเงิน โดยการเลือกกองทุนควรพิจารณาจากเป้าหมายทางการเงินและระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ของแต่ละคน ทั้งนี้ หากใครที่สนใจเรื่องการลงทุนกับกองทุนเพิ่มเติมกับ CIMB THAI Bank สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ CIMB THAI Care Center หรือโทร 02 626 7777 และติดตามข้อมูลเพิ่มเติมผ่านช่องทางออนไลน์ของธนาคารได้ดังต่อไปนี้
คำเตือน : ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า (พันธบัตร/หุ้นกู้) เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน