คุณอยู่ที่

  • บทความ
  • ผลิตภัณฑ์ธนาคาร
  • ช่องทางบริการธนาคาร
  • เกี่ยวกับเรา
  • บริการช่วยเหลือ
  • ลิงก์ด่วน
ผลิตภัณฑ์ธนาคาร
เกี่ยวกับเรา
Financial Guru
Business Maker
Lifestyle Tips
ลงทุน
บริการโอนเงินระหว่างประเทศ
CIMB THAI App
ข่าวและกิจกรรม

 

กองทุน Thai ESG คือทางเลือกการลงทุนที่น่าสนใจสำหรับยุคนี้ เพราะไม่เพียงช่วยลดหย่อนภาษีได้ แต่ยังเป็นกองทุนรวมที่เน้นลงทุนในบริษัทไทยที่มีคุณภาพตามหลัก ESG (Environmental, Social, Governance) ซึ่งเป็นแนวคิดการลงทุนที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล ควบคู่ไปกับผลตอบแทนทางการเงิน โดยนอกจากจะลงทุนในหุ้นบริษัทในไทยแล้ว ยังมีโอกาสกระจายความเสี่ยงไปยังหุ้นต่างประเทศที่น่าสนใจผ่านเกณฑ์ ESG เช่นกัน ทำให้เหมาะกับนักลงทุนที่อยากได้ทั้งผลตอบแทนและสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมไปพร้อม ๆ กัน

 

 

สารบัญบทความ

 

  • เช็กด่วนกองทุน Thai ESG คืออะไร ตัวช่วยลดหย่อนภาษีที่สายลงทุนห้ามพลาด
  • กองทุน Thai ESG ลงทุนในอะไรบ้าง รู้ก่อนลงทุนกับบริษัทไทยยั่งยืน
  • กองทุน Thai ESG เหมาะกับนักลงทุนแบบไหน?
  • ไขข้อสงสัย ลงทุนกองทุน Thai ESG ลดหย่อนภาษีได้ไหม วงเงินสูงเท่าไหร่
  • เทียบให้ชัด กองทุน Thai ESG ต่างจากกองทุนลดภาษีแบบอื่นอย่างไร?
  • แนวทางเลือกกองทุน Thai ESG ให้เหมาะกับสไตล์การลงทุน
  • ลงทุนกองทุน Thai ESG กับ CIMB THAI BANK กองทุนที่คัดสรรมาเพื่อนักลงทุนไทย

 

 

เช็กด่วนกองทุน Thai ESG คืออะไร ตัวช่วยลดหย่อนภาษีที่สายลงทุนห้ามพลาด

 

Thai ESG คือชื่อเรียกย่อของกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งทางเลือกการลงทุนที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน โดยกองทุนประเภทนี้เน้นลงทุนในบริษัทไทยที่มีการดำเนินธุรกิจที่มีความรับผิดชอบในเรื่อง ESG ซึ่งคำว่า ESG ย่อมาจาก Environmental (สิ่งแวดล้อม), Social (สังคม) และ Governance (ธรรมาภิบาล) 

 

โดย ESG เป็นเกณฑ์ที่ใช้ประเมินบริษัทต่าง ๆ ว่ามีการบริหารจัดการอย่างไรในเรื่องของผลกระทบที่เกิดขึ้นกับสิ่งแวดล้อมและสังคม รวมถึงการมีธรรมาภิบาลที่ดีในการบริหารงาน ซึ่งจุดเด่นของการลงทุนในกองทุนไทยเพื่อความยั่งยืนคือ การสร้างผลตอบแทนในระยะยาวจากการลงทุนในบริษัทที่ให้ทั้งผลกำไรและจัดการด้านสิ่งแวดล้อม รวมถึงการส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีของสังคม ต่างจากการลงทุนหรือการออมในรูปแบบอื่น ๆ อย่างบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ รวมทั้งบัญชีเงินฝากประจำที่อาจให้ผลตอบแทนคงที่ในระยะยาว แต่จะไม่มีส่วนร่วมในการพัฒนาที่ยั่งยืน

 

นโยบายของ Thai ESG fund จึงเน้นไปที่การคัดเลือกหุ้นที่ต้องผ่านการคัดกรองเข้มงวด ครอบคลุมการบริหารจัดการและรับผิดชอบทั้งในด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล ซึ่งจะช่วยให้มั่นใจได้ว่าการลงทุนในบริษัทเหล่านี้จะมีผลต่อการสร้างความยั่งยืนทั้งในเชิงธุรกิจและเชิงสังคมในระยะยาว

 

กองทุน Thai ESG ลงทุนในอะไรบ้าง รู้ก่อนลงทุนกับบริษัทไทยยั่งยืน

 

กองทุน Thai ESG นับว่าคือทางเลือกหนึ่งของการลงทุนในหุ้นไทยและตราสารหนี้ที่สนับสนุนแนวคิดความยั่งยืน โดยเฉพาะหุ้น ESG ในไทยที่ผ่านเกณฑ์ SET ESG Ratings และ ESG Bond เพื่อส่งเสริมการเติบโตอย่างยั่งยืนในประเทศ ซึ่งหุ้นเหล่านี้ถือเป็นกลุ่ม ESG Thailand ที่ได้รับการคัดเลือกอย่างเข้มงวดในด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล โดยมีระดับการจัดอันดับ SET ESG Ratings ดังนี้

 

  • ระดับ AAA - บริษัทที่ได้คะแนนประเมิน 90-100 คะแนน จำนวน 56 บริษัท
  • ระดับ AA - บริษัทที่ได้คะแนนประเมิน 80-89 คะแนน จำนวน 78 บริษัท
  • ระดับ A - บริษัทที่ได้คะแนนประเมิน 65-79 คะแนน จำนวน 70 บริษัท
  • ระดับ BBB - บริษัทที่ได้คะแนนประเมิน 50-64 คะแนน จำนวน 21 บริษัท

 

กองทุน Thai ESG เหมาะกับนักลงทุนแบบไหน?

 

การเลือกลงทุนในกองทุนรวมให้เหมาะกับเป้าหมายทางการเงินเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะกองทุนประเภทลดหย่อนภาษีที่มีเงื่อนไขการถือครองแตกต่างกัน โดย Thai ESG คือทางเลือกที่เหมาะกับนักลงทุนดังต่อไปนี้

 

  • คนที่มองหาการลงทุนระยะกลาง ต้องการถือครองการลงทุนประมาณ 8 ปี ไม่นานเท่า SSF ซึ่งต้องถือ 10 ปี และมีระยะเวลาที่แน่นอนกว่า RMF ที่ต้องถือจนอายุ 55 ปี
  • นักลงทุนที่สนใจธุรกิจยั่งยืน เชื่อมั่นในศักยภาพการเติบโตของธุรกิจที่ดำเนินตามหลัก ESG และต้องการสนับสนุนบริษัทที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมและสังคม 
  • คนที่ต้องการลดหย่อนภาษีและมองหาเครื่องมือใหม่ ๆ นอกเหนือจากกองทุน SSF และ RMF เพราะ Thai ESG ลดหย่อนภาษีได้โดยมีเงื่อนไขที่ยืดหยุ่นกว่า
  • คนรุ่นใหม่ที่เริ่มวางแผนภาษีหรือมีอายุน้อยกว่า 45 ปี และต้องการเริ่มต้นลงทุนเพื่อลดหย่อนภาษี แต่ยังไม่ต้องการผูกมัดเงินไว้นานเกินไป 
  • คนที่เข้าใจความเสี่ยงจากการลงทุน และยอมรับความผันผวนในระยะสั้นเพื่อโอกาสผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวได้
  • นักลงทุนที่ชอบกลยุทธ์ DCA (Dollar-Cost Averaging) สามารถวางแผนทยอยลงทุนเพื่อลดความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาด

 

สำหรับใครที่กำลังสนใจลงทุน DCA และต้องการเรียนรู้ข้อมูลเพิ่มเติม สามารถอ่านบทความอ่านได้ที่ : DCA คืออะไร กลยุทธ์การลงทุนที่ดีที่สุดสำหรับนักลงทุนที่มีวินัย

 

ไขข้อสงสัย ลงทุนกองทุน Thai ESG ลดหย่อนภาษีได้ไหม วงเงินสูงเท่าไหร่

 

กองทุน ESG ลดหย่อนภาษีเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่ต้องการประหยัดภาษีเพิ่มเติมจากกองทุนลดหย่อนภาษีประเภทอื่น โดยมีสิทธิประโยชน์ที่น่าดึงดูดใจและเงื่อนไขสำคัญ ดังนี้

 

  • วงเงินลดหย่อนสูงสุด : ลงทุนในกองทุน Thai ESG ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 30% ของรายได้ต่อปี แต่ไม่เกิน 300,000 บาท 
  • ระยะเวลาการถือครอง : ต้องถือหน่วยลงทุนไม่น้อยกว่า 5 ปีเต็มนับจากวันที่ลงทุน (นับแบบวันชนวัน) โดยซื้อปีไหนลดหย่อนภาษีได้ในปีนั้น
  • วงเงินแยกต่างหาก : วงเงินลงทุนในกองทุน ESG ไม่ถูกรวมกับวงเงินของ SSF, RMF, PVD, กบข., กองทุนครูเอกชน, กอช. และเบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ โดยเมื่อรวมวงเงินลดหย่อนจาก Thai ESG กับกองทุนเกษียณอื่น ๆ สามารถใช้สิทธิ์ลดหย่อนได้สูงสุดถึง 900,000 บาทต่อปี
  • ระยะเวลาการใช้สิทธิ์ : สามารถใช้สิทธิ์เพื่อลดหย่อนภาษีได้ในช่วงปี พ.ศ. 2566 – 2575 ตามที่ภาครัฐกำหนด
  • ไม่บังคับซื้อต่อเนื่อง : ไม่จำเป็นต้องซื้อต่อเนื่องทุกปีเหมือนกองทุน RMF สามารถเลือกลงทุนในปีที่ต้องการใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีได้

 

 

เทียบให้ชัด กองทุน Thai ESG ต่างจากกองทุนลดภาษีแบบอื่นอย่างไร?

 

อย่างที่กล่าวไปว่ากองทุน Thai ESG คือทางเลือกลงทุนใหม่นอกเหนือจาก RMF และ SSF สำหรับคนที่ต้องการประหยัดภาษีผ่านการลงทุน ซึ่งกองแต่ละประเภทมีความแตกต่างในหลายด้าน ดังนี้

 

สินทรัพย์ที่ลงทุนได้

 

  • Thai ESG จำกัดเฉพาะหุ้นไทยและตราสารหนี้ไทยที่ผ่านเกณฑ์ด้านความยั่งยืน (ESG) เท่านั้น
  • SSF ลงทุนได้หลากหลายทั้งในและต่างประเทศ ครอบคลุมตราสารหนี้ หุ้น และสินทรัพย์ทางเลือก
  • RMF มีความยืดหยุ่นเหมือน SSF สามารถลงทุนได้ทั้งในและต่างประเทศในหลากหลายสินทรัพย์

 

ระยะเวลาลงทุน

 

  • Thai ESG ถือครองอย่างน้อย 5 ปีเต็ม นับแบบวันชนวัน ไม่บังคับซื้อต่อเนื่อง
  • SSF ถือครองอย่างน้อย 10 ปีเต็ม นับแบบวันชนวัน ไม่บังคับซื้อต่อเนื่อง
  • RMF ถือครองจนอายุ 55 ปีบริบูรณ์และลงทุนมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี ซื้อปีเว้นปีได้

 

วงเงินลงทุนและสิทธิประโยชน์ทางภาษี

 

  • Thai ESG ลดหย่อนได้สูงสุด 30% ของเงินได้ ไม่เกิน 300,000 บาท โดยแยกต่างหากจากวงเงินลดหย่อนกองทุนเพื่อการเกษียณอื่น ๆ
  • SSF ลดหย่อนได้สูงสุด 30% ของเงินได้ ไม่เกิน 200,000 บาท และอยู่ในวงเงินรวมกับกองทุนเพื่อการเกษียณอื่น ๆ ไม่เกิน 500,000 บาท
  • RMF ลดหย่อนได้สูงสุด 30% ของเงินได้ อยู่ในวงเงินรวมกับกองทุนเพื่อการเกษียณอื่น ๆ ไม่เกิน 500,000 บาท

 

แนวทางเลือกกองทุน Thai ESG ให้เหมาะกับสไตล์การลงทุน

 

ปัจจุบันการลงทุนในกองทุน ESG มีหลากหลายรูปแบบให้เลือก โดยคำถามที่นักลงทุนหลายคนมักสงสัยคือ Thai ESG กองไหนดีให้เหมาะกับพอร์ตการลงทุนของตัวเอง? ซึ่งสามารถพิจารณาได้จากประเภทกองทุนและระดับความเสี่ยงที่แต่ละคนยอมรับได้ ดังนี้

 

  • กองทุน Thai ESG ตราสารหนี้ ความเสี่ยงระดับต่ำ เหมาะกับนักลงทุนที่เน้นความปลอดภัยของเงินต้น ให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าการฝากเงินกับธนาคารทั่วไป เป็นทางเลือกสำหรับนักลงทุนที่ต้องการความมั่นคง
 
  • กองทุนผสม ESG ความเสี่ยงระดับปานกลาง มีการกระจายการลงทุนระหว่างหุ้น ESG และตราสารหนี้ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการกระจายความเสี่ยง ให้โอกาสรับผลตอบแทนที่สูงขึ้นกว่ากองทุนกลุ่มแรก
 
  • กองทุน Thai ESG หุ้น ความเสี่ยงระดับสูง ลงทุนในหุ้นที่ดำเนินธุรกิจตามหลัก ESG เท่านั้น มีโอกาสได้รับผลตอบแทนสูงในระยะยาว เหมาะกับนักลงทุนที่สามารถรับความผันผวนได้สูงและมองหาการเติบโตของเงินลงทุน

 

ลงทุน Thai ESG ผลตอบแทนดี CIMB THAI Bank พร้อมคัดสรรกองทุนรวมมาให้คุณ

 

สรุปแล้ว Thai ESG คือกองทุนที่เปิดโอกาสให้นักลงทุนได้มีส่วนร่วมในการสนับสนุนธุรกิจที่ดำเนินงานตามแนวทางความยั่งยืน ผ่านการคัดเลือกจากหุ้นไทยและตราสารหนี้ไทยที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม (Environmental) สังคม (Social) และบรรษัทภิบาล (Governance) เหมาะสำหรับคนที่ต้องการลงทุนเพื่ออนาคตและสนใจผลักดันการเติบโตอย่างยั่งยืนในประเทศไทย

 

การลงทุนใน Thai ESG จึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่ต้องการสนับสนุนธุรกิจที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมและสังคม ไปพร้อมกับการสร้างผลตอบแทนทางการเงิน โดยการเลือกกองทุนควรพิจารณาจากเป้าหมายทางการเงินและระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ของแต่ละคน ทั้งนี้ หากใครที่สนใจเรื่องการลงทุนกับกองทุนเพิ่มเติมกับ CIMB THAI Bank สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ CIMB THAI Care Center หรือโทร 02 626 7777 และติดตามข้อมูลเพิ่มเติมผ่านช่องทางออนไลน์ของธนาคารได้ดังต่อไปนี้

 

 

คำเตือน : ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า (พันธบัตร/หุ้นกู้) เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน