Search
Back
เกี่ยวกับเรา  
รางวัล  
ข่าวและกิจกรรม  
บริการโอนเงินระหว่างประเทศ  
โปรโมชั่นล่าสุด  
CIMB THAI App  
CIMB THAI Connect  
บริการแจ้งเตือนผ่าน SMS  
พร้อมเพย์  
บริการเปิดบัญชีด้วยการยืนยันตัวตนรูปแบบดิจิทัล (NDID)  
การขอและรับส่งข้อมูลรายการเคลื่อนไหวบัญชีเงินฝาก ในรูปแบบข้อมูลดิจิทัลระหว่างธนาคาร (dStatement)  
บริการยืนยันตัวตนรูปแบบดิจิทัล (NDID) เพื่อทำธรุกรรมออนไลน์กับกรมสรรพากร  
ติดต่อเรา  
สาขาธนาคาร  
ข้อมูลคุณภาพการให้บริการ  
คำมั่นสัญญาการให้บริการลูกค้าธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย  
อัตราและค่าธรรมเนียม  
Form Download Center  
You're viewing:
ลูกค้าบุคคล
Other Sites
เกี่ยวกับเรา
การกำกับดูแล
ทีมผู้บริหาร
นักลงทุนสัมพันธ์
ความยั่งยืน
ผลิตภัณฑ์ธนาคาร
เงินฝาก
บัตร
ประกัน
สินเชื่อ
การบริหารความมั่งคั่ง
การลงทุน
logo
TH

 

e-Receipt คือหนึ่งในสิ่งที่หลายคนอาจคุ้นเคยมากขึ้นจากการโปรโมตของรัฐบาลในช่วงหลายปีหลังมานี้ โดยจะเกี่ยวข้องกับการใช้เพื่อลดหย่อนภาษี เพื่อสอดคล้องกับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ สำหรับคนที่จะต้องจ่ายภาษีในทุกปี โดยเฉพาะในช่วงเวลาปลายปี ที่มักจะต้องมีการดำเนินการเกี่ยวกับภาษี และมองหาแนวทางการลดหย่อน เพื่อให้สามารถใช้จ่ายได้อย่างคุ้มค่ามากที่สุด

 

ในบทความนี้เราจะมาแนะนำรายละเอียดต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ Easy e-Reciept ว่าคืออะไร การออกบิล Easy e-Receipt ต้องทำอะไรบ้าง เพื่อให้คุณเตรียมความพร้อมในช่วงมาตรการ Easy e-Receipt ปี 2568 ได้อย่างถูกต้อง

 

Key Takeaway

 

  • e-Receipt คือใบเสร็จอิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้ยืนยันการชำระเงิน เพื่อนำไปใช้สิทธิลดหย่อนภาษีตามมาตรการรัฐ เช่น Easy e-Receipt 2568
  • สิทธิ์ Easy e-Receipt 2568 นับเฉพาะการใช้จ่ายตั้งแต่ 16 ม.ค.-28 ก.พ. 2568 ลดหย่อนได้รวมสูงสุด 50,000 บาท
  • การขอลดหย่อนภาษี สามารถใช้ได้ทั้ง e-Tax Invoice (เต็มรูป) หรือ e-Receipt ที่ระบุชื่อและเลขประจำตัวผู้เสียภาษีของผู้ซื้อครบถ้วน
  • การขอบิลลดหย่อนต้องมาจากการซื้อสินค้าหรือบริการทั่วไปจากร้านที่ออก e-Tax/e-Receipt, หนังสือ อีบุ๊ก OTOP และวิสาหกิจชุมชน
  • สินค้าหรือบริการที่ไม่เข้าร่วม ประกอบด้วย สุรา, ยาสูบ, น้ำมัน, ชาร์จรถ EV, รถ, เรือ, ค่าสาธารณูปโภค และทัวร์ที่พัก

 

สารบัญบทความ

 

  • e-Receipt คืออะไร? ทำความรู้จักให้มากขึ้น
  • ใช้สิทธิ์ Easy e-Receipt ได้ถึงช่วงไหนบ้าง? เช็กให้พร้อมก่อนหมดสิทธิ์
  • ใครสามารถใช้สิทธิ์ Easy e-Receipt ได้บ้าง? เช็กเงื่อนไขในการเข้าร่วมให้มั่นใจ
  • โครงการ easy e-Receipt ซื้อสินค้าอะไรได้และไม่ได้บ้าง? เลือกซื้อเพื่อลดภาษีให้ถูกต้อง
  • Easy e-Receipt ใช้หลักฐานอะไรบ้างในการออกบิล?
  • FAQ: คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ e-Receipt
  • e-Receipt ตัวช่วยลดหย่อนภาษี พร้อมตัวช่วยอื่น ๆ ที่จะทำให้คุณลดภาษีได้มากขึ้น

 

e-Receipt คืออะไร? ทำความรู้จักให้มากขึ้น

 

e-Receipt คือ ใบเสร็จรับเงินรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ในระบบ e-Tax Invoice & e-Receipt ของกรม

สรรพากร หรือก็คือเอกสารที่ใช้เป็นหลักฐานยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในมาตรการที่กำหนด เช่น Easy e-Receipt 2.0 ในปีภาษี 2568 คือช่วงที่ให้บุคคลธรรมดานำค่าซื้อสินค้าหรือบริการที่มี e-Receipt หรือ e-Tax Invoice มาลดหย่อนได้สูงสุด 50,000 บาท สำหรับการจ่ายระหว่าง 16 ม.ค.-28 ก.พ. 2568 ตามเกณฑ์ของสรรพากร

ความแตกต่างของ e-Tax และ e-Receipt คือ e-Receipt เป็นใบรับเงินอิเล็กทรอนิกส์ที่ออกเมื่อรับชำระ ส่วน e-Tax Invoice คือ ใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ที่ระบุภาษีมูลค่าเพิ่ม ดังนั้น ทั้ง e-Tax Invoice หรือ e-Receipt จึงคือเอกสารที่มีผลทางกฎหมาย และอยู่ในระบบเดียวกันของกรมสรรพากรทั้งคู่นั่นเอง

 

ใช้สิทธิ์ Easy e-Receipt ได้ถึงช่วงไหนบ้าง? เช็กให้พร้อมก่อนหมดสิทธิ์

 

ช่วงใช้สิทธิ์มาตรการ Easy e-Receipt 2.0 ของปี 2568 คือช่วงที่มีการใช้จ่ายซึ่งเกิดขึ้นระหว่าง 16 ม.ค.-28 ก.พ. 2568 เท่านั้น โดยนำยอดจ่ายจริงมาลดหย่อนได้รวมสูงสุด 50,000 บาท โดยแบ่งเป็น 30,000 บาท สำหรับการใช้จ่ายทั่วไป และยังมีโบนัสเสริมอีก 20,000 บาทสำหรับการใช้จ่ายประเภท OTOP วิสาหกิจชุมชน หรือเพื่อสังคม และต้องมี e-Tax Invoice หรือ e-Receipt ที่ระบุชื่อและเลขประจำตัวผู้เสียภาษีของผู้ซื้อครบถ้วนอย่างถูกต้อง

 

ใครสามารถใช้สิทธิ์ Easy e-Receipt ได้บ้าง? เช็กเงื่อนไขในการเข้าร่วมให้มั่นใจ


 

ผู้มีสิทธิ์เข้าร่วมมาตรการ Easy e-Receipt 2.0 คือ ผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และซื้อสินค้าหรือบริการในประเทศไทย รวมถึงมีเอกสาร e-Tax Invoice หรือ e-Receipt ถูกต้องตามเกณฑ์ ซึ่งการคืนเงินจะได้รับตามการจ่ายภาษีในฐานขั้นบันได ดังนี้

 

เงินได้สุทธิต่อปี (บาท)

ฐานภาษี

เงินคืนที่ได้รับ

เงินได้ต่อปีไม่เกิน 150,000 บาท

ยกเว้น

0

เงินได้ต่อปี 150,001 – 300,000 บาท

5%

2,500

เงินได้ต่อปี 300,001 – 500,000 บาท

10%

5,000

เงินได้ต่อปี 500,001 – 750,000 บาท

15%

7,500

เงินได้ต่อปี 750,001 – 1,000,000 บาท

20%

10,000

เงินได้ต่อปี 1,000,001 – 2,000,000 บาท

25%

12,500

เงินได้ต่อปี 2,000,001 – 5,000,000 บาท

30%

15,000

เงินได้ต่อปี 5,000,001 บาทขึ้นไป

35%

17,500

 

โครงการ Easy e-Receipt ซื้อสินค้าอะไรได้และไม่ได้บ้าง?

 

โครงการ Easy e-Receipt 2.0 ครอบคลุมรายการสินค้าต่าง ๆ มากมาย ซึ่งค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการ Easy-e-Receipt ที่สามารถนำไปหักลดหย่อนภาษีได้ มีดังนี้

 

สินค้าที่เข้าร่วมรายการ

 

  • สินค้าหรือบริการทั่วไปจากร้านค้าที่ จด VAT และออก e-Tax Invoice/e-Receipt ได้
 
  • หนังสือทุกประเภท E-Book หนังสือพิมพ์ และนิตยสาร (ร้านที่ไม่จด VAT ก็ได้ หากออก e-Receipt ตามเกณฑ์)
 
  • สินค้า OTOP และสินค้าหรือบริการจากวิสาหกิจชุมชน (ใช้สิทธิ์เพิ่มได้อีกไม่เกิน 20,000 บาท)

 

ตัวอย่างร้านค้าที่เข้าร่วมบริการ e-Receipt

 

  • ห้างและศูนย์การค้า : Central, The Mall, ICONSIAM และ Robinson
 
  • ซูเปอร์มาร์เก็ตและร้านสะดวกซื้อ : 7-Eleven, Tops, Lotus’s, Makro และ Big C
 
  • อุปกรณ์บ้านและอิเล็กทรอนิกส์ : HomePro, PowerBuy, IKEA Online, Index Living Mall, ไทวัสดุ, IT City, Advice, Banana และ Studio 7
 
  • ร้านอาหาร เครื่องดื่ม และหนังสือ : Sizzler, Starbucks, Swensen’s, KFC, The Pizza Company, Shabushi, B2S, SE-ED และนายอินทร์

 

 

สินค้าที่ไม่เข้าร่วมรายการ

 

  • สุรา เบียร์ ไวน์ และยาสูบ
 
  • น้ำมัน/ก๊าซ และบริการชาร์จไฟฟ้าสำหรับยานพาหนะ
 
  • รถยนต์ รถจักรยานยนต์ เรือ
 
  • ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ และค่าอินเทอร์เน็ต
 
  • ค่าบริการแบบสัญญาระยะยาวที่คร่อมช่วงโครงการ เช่น ค่าสมาชิก
 
  • เบี้ยประกันวินาศภัย
 
  • ค่าบริการนำเที่ยว ทัวร์ และค่าที่พัก

 

Easy e-Receipt ใช้หลักฐานอะไรบ้างในการออกบิล?


 

หลังชำระค่าสินค้าหรือค่าบริการ ในการขอเอกสารใบเสร็จ e-Receipt สิ่งที่ต้องเตรียมให้กับร้านค้า คือเอกสารและข้อมูลดังต่อไปนี้

 

  • เอกสารที่ใช้ยื่นสิทธิ์ : เอกสารที่ใช้ต้องเป็นรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ ได้แก่
    1. e-Tax Invoice - ใบกำกับภาษีแบบเต็มรูป

          2. e-Receipt - ใบเสร็จรับเงินอิเล็กทรอนิกส์
 

  • ข้อมูลที่ต้องมีใน e-Tax Invoice :
     - ข้อมูลผู้ขาย

          - ชื่อ-นามสกุลผู้ซื้อ

          - เลขประจำตัวผู้เสียภาษีของผู้ซื้อ (เลขบัตรประชาชน 13 หลัก)

          - วันที่ออกใบภาษี

          - รายการสินค้าหรือบริการ และจำนวนเงินให้ครบถ้วน
 

  • ข้อมูลที่ต้องมีใน e-Receipt :

          - เลขประจำตัวผู้เสียภาษีของผู้ขาย

          - ชื่อ/ยี่ห้อ/แบรนด์ของผู้ขาย

          - เลขเล่มและเลขที่ใบเสร็จ

          - ชื่อ-นามสกุล-ที่อยู่ และเลขประจำตัวผู้เสียภาษีของผู้ซื้อ

          - วัน/เดือน/ปีที่ออกใบเสร็จ

          - ชนิด-ชื่อ-จำนวน-ราคา และยอดเงินรวม

 

 

 

FAQ: คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ e-Receipt

e-Tax กับ e-Receipt ต่างกันอย่างไร?

 

e-Tax Invoice คือ ใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ที่ระบุภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งใช้สำหรับภาษีซื้อหรือเครดิตภาษีของผู้ประกอบการ ในขณะที่ e-Receipt คือ ใบเสร็จอิเล็กทรอนิกส์ยืนยันการชำระเงิน ที่ใช้เป็นหลักฐานค่าใช้จ่าย/ลดหย่อนตามมาตรการ โดยทั้งสองอยู่ในระบบ e-Tax Invoice & e-Receipt ของสรรพากร

 

e-Receipt ใช้ทำอะไรได้บ้าง?  

 

e-Receipt ใช้เป็นหลักฐานการซื้อ-ชำระเงิน ซึ่งใช้ยื่นลดหย่อนภาษีตามมาตรการต่าง ๆ เช่น Easy e-Receipt เพื่อช่วยให้ตรวจสอบรายการย้อนหลังได้สะดวก ส่วนฝั่งผู้ประกอบการจะใช้รองรับการออกบิลดิจิทัล เพื่อลดงานเอกสารและต้นทุนจัดเก็บ

 

e-Receipt 2568 สิ้นสุดวันไหน?

 

สิทธิ์ Easy e-Receipt 2.0 คำนวณจาก “การใช้จ่าย” ที่เกิดระหว่าง 16 ม.ค.-28 ก.พ. 2568

นำมาใช้หักลดหย่อนตอนยื่นภาษีปีภาษี 2568 ได้ในช่วงต้นปี 2569 ตามกำหนดการยื่นแบบของสรรพากร

 

e-Receipt ตัวช่วยลดหย่อนภาษี พร้อมตัวช่วยอื่น ๆ ที่จะทำให้คุณลดภาษีได้มากขึ้น

 

จากที่เราได้แนะนำไปว่า e-Receipt คืออะไร ระยะเวลาโครงการ Easy e-Receipt คือเมื่อใด และข้อมูลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง คงช่วยให้คุณจัดการเรื่องการลดหย่อนภาษีได้ดีขึ้นมาบ้างแล้ว แต่หากคุณต้องการแนวทางลดหย่อนภาษีเพิ่มเติม เพื่อใช้เป็นวิธีเก็บเงิน หรือเป็นส่วนหนึ่งในการวางแผนเกษียณ ให้ดีขึ้นอีกขั้น เราขอแนะนำให้เลือกใช้วิธีการลงทุนรูปแบบอื่น ๆ ไปกับผลิตภัณฑ์กองทุนของ CIMB THAI ที่สามารถกระจายความเสี่ยงได้กับกองทุนมากมาย ทั้ง SSF, RMF ไปจนถึงการลงทุนรูปแบบอื่น ๆ ให้คุณได้รับผลตอบแทนสูงสุด ทั้งยังสามารถเลือกลงทุนได้สะดวก ผ่านทางแอป CIMB THAI บนมือถืออีกด้วย

 

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ CIMB THAI Care Center โทร 02 626 7777 พร้อมติดตามข้อมูลเพิ่มเติมผ่านช่องทางออนไลน์ของธนาคารได้ดังต่อไปนี

 

 


#Lifestyle Tips