คุณอยู่ที่

  • บทความ
  • ผลิตภัณฑ์ธนาคาร
  • ช่องทางบริการธนาคาร
  • เกี่ยวกับเรา
  • บริการช่วยเหลือ
  • ลิงก์ด่วน
ผลิตภัณฑ์ธนาคาร
เกี่ยวกับเรา
Financial Guru
Business Maker
Lifestyle Tips
ลงทุน
บริการโอนเงินระหว่างประเทศ
CIMB THAI App
ข่าวและกิจกรรม

 

ทรงพรต วิจยาภรณ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ เทคโนโลยีและวิทยาการข้อมูล ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย กล่าวว่า ธนาคารได้นำ AI Technology เข้ามาใช้แล้วในหลายส่วน ภายใต้แนวคิด “AI-Driven Organization” เป็นอีกตัวช่วยให้ธนาคารขับเคลื่อนไปข้างหน้าตามวิสัยทัศน์ 'Digital-led Bank with ASEAN Reach'

 

เริ่มตั้งแต่ 1.การเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน โดยพนักงานใช้ AI มาช่วยค้นหา วิเคราะห์ สร้าง และจัดเรียงข้อมูล รวมถึงการจัดทำสรุปและเสนอข้อคิดเห็นคำแนะนำต่างๆ ไปจนถึง 2. การป้องกันและตรวจจับการทุจริตและการฉ้อโกง ธนาคารได้นำ AI Technology มาประยุกต์เข้ากับระบบต่างๆ ของธนาคาร เช่น ระบบการตรวจสอบการทุจริต ระบบป้องกันการฟอกเงิน ระบบป้องกันบัญชีม้า เปลี่ยนจาก Rule Based เป็น Behavior Based ช่วยให้กระบวนการตรวจสอบแม่นยำและทันท่วงทีมากขึ้น นอกจากนี้ 3. ยกระดับประสบการณ์ลูกค้า ด้วยการประยุกต์ใช้ AI ในเรื่องการทำ Credit Scoring และขั้นตอนการขอสินเชื่อ ช่วยลดขั้นตอนการทำงาน โดยเฉพาะการรวบรวมข้อมูล เมื่อการอนุมัติสินเชื่อเร็วขึ้น ลูกค้าจะได้รับประสบการณ์ที่ดีขึ้น

 

“ผมมองว่า AI เป็นตัวช่วยเสริมสร้างความยั่งยืนต่ออุตสาหกรรมการธนาคาร แม้ว่าระบบการจัดการข้อมูลและธุรกรรมของธนาคารแบบเดิมจะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพอยู่ในปัจจุบัน แต่ระบบเหล่านี้อาจไม่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในอนาคต เนื่องจากความต้องการใหม่ๆ ของลูกค้าได้เพิ่มขึ้นตามยุคสมัยที่เปลี่ยนไป ครั้งหนึ่ง AI เคยเป็นนิยายวิทยาศาสตร์ แต่ปัจจุบัน การนำ AI ไปใช้งาน เช่น Generative AI กำลังเคลื่อนเข้าสู่กระแสหลักมากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นธนาคารต้องเอาชนะความท้าทายด้านการดำเนินงานและการตอบสนองความต้องการใหม่ของลูกค้าให้ทันสมัยตลอดเวลาเพื่อสร้างโอกาสและต่อยอดธุรกิจไหม่ๆ หลายธนาคารต่างเริ่มตระหนักถึงการเปลี่ยนแปลงที่มีนวัตกรรม AI เป็นตัวผลักดัน และเปิดรับการเปลี่ยนแปลง อย่างไรก็ดี การนำ AI มาใช้ก็มีความเสี่ยงที่จะต้องคอยดูแลและบริหารจัดการให้มีความรอบคอบ เช่น เรื่องความถูกต้องและความปลอดภัยของข้อมูลที่จัดการโดย AI, ประเด็นขัดแย้งทางจริยธรรม, ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยและการก่อการร้าย และขอบเขตความรับผิดชอบและความท้าทายทางกฎหมายที่เกิดจากการกระทำของ AI เป็นต้น”

 

สำหรับคำถามที่ว่า AI จะเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์ภาคการธนาคารในไทยอย่างไร ในอีก 5 ปีข้างหน้า ทรงพรต เปิดเผยว่า AI จะส่งผลกระทบต่อประสบการณ์ลูกค้า (CX) ภาคการเงินในหลายด้าน ประการแรก AI สามารถวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าเพื่อทำความเข้าใจความต้องการรวมถึงสิ่งที่สำคัญที่สำคัญที่สุดคือ AI สามารถทำงานได้ 24 ชั่วโมงตลอดเวลา รวมถึงสามารถประมวลผลได้แบบเรียลไทม์ ธนาคารยังสามารถใช้ AI เพื่อให้บริการลูกค้าจากทุกที่บนโลกตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน  นอกเหนือจากบริการขั้นพื้นฐานทางดิจิทัลที่มีอยู่แล้ว เช่น การถอนเงิน การโอนเงิน การจ่ายบิล แต่ AI จะช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาที่ซับซ้อนของลูกค้าได้ตลอด 24 ชั่วโมง รวมถึง การขอคำแนะนำผลิตภัณฑ์ที่ตรงเป้าหมาย การตรวจจับการฉ้อโกง การยืนยันตัวตน โดยไม่ต้องรอให้ธนาคาร หรือ สาขาของธนาคารเปิดในวันถัดไป

 

ประการที่สอง : การมาถึงของเทคโนโลยี AI ที่ใช้ข้อมูลใหม่ ได้ยกระดับศักยภาพด้านนวัตกรรมไปสู่ระดับที่ไม่เคยมีมาก่อน  การปรับใช้และบูรณาการเทคโนโลยี AI ร่วมกับเทคโนโลยีอื่นๆ เช่น การประมวลผลแบบคลาวด์ (Cloud) , แพลตฟอร์มข้อมูลขนาดใหญ่ (Data) และแอปพลิเคชัน แบบไมโครเซอร์วิส จะช่วยลดค่าใช้จ่ายของธนาคาร เช่น ค่าใช้จ่ายในการเปิดและดูแลสาขา ค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการ Data Center, Disaster Recovery (DR), ระบบ Backup ข้อมูล รวมถึง ธนาคารสามารถวางแผนพยากรณ์การค่าใช้จ่ายล่วงหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพแบบ Dynamic ไม่จำเป็นต้องสร้างแผนการลงทุนล่วงหน้าระยะยาว เพราะการเลือกใช้ AI และ Cloud Technology สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบได้ตลอดเวลาตามความเหมาะสมของสภาวะเศรษฐกิจ ปัจจัยต่างๆและ Consumer Trend ของลูกค้าในขณะนั้น เมื่อเปรียบเทียบกับการลงทุนในระบบ Infrastructure และการจ้างงานแบบดั้งเดิม ที่มีค่าใช้จ่ายและเป็นการลงทุนแบบมีภาระผูกพันไปอีกหลายปี

 

ทั้งนี้ CIMB Thai มีแผนในการนำ AI มาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในหลายส่วน เช่น การใช้ AI algorithms วิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าเพื่อให้คำแนะนำ นำเสนอผลิตภัณท์ และ Solution ที่ตรงกับความต้องการลูกค้ามากที่สุด (Personalization) และสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุด นอกจากนี้ จะนำ AI เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของ “Co-Pilot Smart Assistant” ให้พนักงานทุกคน ซึ่ง AI สามารถทำให้กิจกรรมการทำงานที่กินเวลาระหว่าง 60 ถึง 70% ของพนักงานสามารถเสร็จลุล่วงโดยอัตโนมัติ อีกทั้งจะนำ AI เข้ามาช่วยพัฒนาซอฟท์แวร์ ให้มีประสิทธิภาพดีขึ้น ปรับปรุงกระบวนการเขียนโค้ด การตรวจจับข้อบกพร่องและข้อผิดพลาดในการเขียนโค้ด รวมถึงกระบวนการทดสอบก่อนเพื่อให้แอปพลิเคชันสามารถพัฒนาได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูงที่สุด