คุณอยู่ที่

  • บทความ
  • ผลิตภัณฑ์ธนาคาร
  • ช่องทางบริการธนาคาร
  • เกี่ยวกับเรา
  • บริการช่วยเหลือ
  • ลิงก์ด่วน
ผลิตภัณฑ์ธนาคาร
เกี่ยวกับเรา
Financial Guru
Business Maker
Lifestyle Tips
ลงทุน
บริการโอนเงินระหว่างประเทศ
CIMB THAI App
ข่าวและกิจกรรม

 

  • กำไรสุทธิ 1,736.3 ล้านบาท (-38.2% YoY)
  • รายได้จากการดำเนินงานจำนวน 10,322.0 ล้านบาท (-3.6% YoY)
  • รายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น 274.7 ล้านบาท (+3.9% YoY)    
  • เงินให้สินเชื่อสุทธิ 2.49 แสนล้านบาท (+6.0% จาก 31 ธ.ค.65)
  • เงินฝาก (รวมตั๋วแลกเงิน หุ้นกู้ ผลิตภัณฑ์การเงิน) 2.98 แสนล้านบาท (+2.9% จาก 31 ธ.ค.65)
  • อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อลดลงจาก 3.3% (31 ธ.ค.65) อยู่ที่ 3.2%

         

 

            พอล วอง ชี คิน กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของกลุ่มธนาคาร สำหรับงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2566 มีรายได้จากการดำเนินงานจำนวน 10,322.0 ล้านบาทลดลง 387.4 ล้านบาท หรือร้อยละ 3.6 เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันปี 2565 สาเหตุหลักเกิดจากการลดลงของรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิร้อยละ 18.6 และรายได้อื่นร้อยละ 18.1 สุทธิกับการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิร้อยละ 3.9  กำไรจากการดำเนินงานก่อนหักผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นลดลงร้อยละ 18.8 เป็นจำนวน 4,071.3 ล้านบาท เนื่องจากรายได้จากการดำเนินงานลดลง และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเพิ่มขึ้น ร้อยละ 9.7      กำไรสุทธิลดลงจำนวน 1,075.2 ล้านบาทหรือร้อยละ 38.2 เป็นจำนวน 1,736.3 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันเนื่องจากค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเติบโตสูงกว่าการเติบโตของรายได้จากการดำเนินงาน  ประกอบกับผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นเพิ่มขึ้นร้อยละ 26.5  โดยเป็นการตั้งสำรองเพิ่มขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับหลักความระมัดระวังของธนาคารและเหมาะสมกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่เป็นอยู่

 

            เมื่อเปรียบเทียบผลการดำเนินงานงวดเก้าเดือนปี 2566 และ 2565  รายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น 274.7 ล้านบาท หรือร้อยละ 3.9 เป็นผลจากการขยายตัวของสินเชื่อและการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยจากเงินลงทุน สุทธิกับรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิลดลงจำนวน 213.1 ล้านบาท หรือร้อยละ 18.6 มาจากการลดลงของค่าธรรมเนียมจากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ประกันภัย  รายได้อื่นลดลงจำนวน 449 ล้านบาท หรือร้อยละ 18.1 ส่วนใหญ่เป็นผลจากการลดลงของกำไรสุทธิจากเครื่องมือทางการเงินที่วัดมูลค่าด้วยมูลค่ายุติธรรมผ่านกำไรหรือขาดทุน สุทธิกับการเพิ่มขึ้นของกำไรสุทธิจากเงินลงทุนและกำไรสุทธิจากการขายสินเชื่อด้อยคุณภาพ

 

            ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานสำหรับงวดเก้าเดือนปี 2566 เปรียบเทียบกับงวดเดียวกันปี 2565 เพิ่มขึ้นจำนวน 554.4 ล้านบาทหรือร้อยละ 9.7 สาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของค่าเผื่อการด้อยค่าของทรัพย์สินรอการขายและค่าภาษีอากร ทำให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน ต่อรายได้จากการดำเนินงานงวดเก้าเดือนปี 2566 อยู่ที่ร้อยละ 60.6 เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2565 อยู่ที่ ร้อยละ 53.2

 

            อัตราส่วนรายได้ดอกเบี้ยสุทธิต่อสินทรัพย์เฉลี่ย (Net Interest Margin – NIM) สำหรับงวดเก้าเดือนปี 2566    อยู่ที่ร้อยละ 2.6 ลดลงจากงวดเดียวกันปี 2565 อยู่ที่ร้อยละ 2.7 เป็นผลจากต้นทุนการเงินที่เพิ่มขึ้น

 

            วันที่ 30 กันยายน 2566 เงินให้สินเชื่อสุทธิจากรายได้รอตัดบัญชี (รวมเงินให้สินเชื่อซึ่งค้ำประกันโดยธนาคารอื่นและเงินให้สินเชื่อแก่สถาบันการเงิน) ของกลุ่มธนาคารอยู่ที่ 249.4 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.0 เมื่อเทียบกับเงินให้สินเชื่อ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2565   กลุ่มธนาคารมีเงินฝาก (รวมตั๋วแลกเงิน หุ้นกู้ และผลิตภัณฑ์ทางการเงินบางประเภท) จำนวน 298.2 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.9 จากสิ้นปี 2565 ซึ่งมีจำนวน 289.7 พันล้านบาท  อัตราส่วนสินเชื่อต่อเงินฝาก (the Modified Loan to Deposit Ratio) ของกลุ่มธนาคารเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 83.6 จากร้อยละ 81.2 ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2565

 

สินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPLs) อยู่ที่ 8.5 พันล้านบาท อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพ ต่อเงินให้สินเชื่อทั้งสิ้นอยู่ที่ร้อยละ 3.2 ลดลงเมื่อเทียบกับ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2565 อยู่ที่ร้อยละ 3.3  เป็นผลจากการที่กลุ่มธนาคารมีนโยบายการจัดการความเสี่ยงด้านการให้สินเชื่อที่รัดกุม มาตรการบริหารจัดการความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ รวมถึงการปรับปรุงแนวทางในการเรียกเก็บหนี้จากสินเชื่อด้อยคุณภาพที่มีอยู่ และการแก้ปัญหาสินเชื่อด้อยคุณภาพอย่างต่อเนื่อง

            อัตราส่วนค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพ ณ วันที่ 30 กันยายน 2566 อยู่ที่ร้อยละ 111.3  ลดลงจากสิ้นปี 2565 ซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 114.6  ค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นของกลุ่มธนาคารอยู่ที่จำนวน 8.8 พันล้านบาท ซึ่งเป็นเงินสำรองส่วนเกินตามเกณฑ์ธนาคารแห่งประเทศไทยจำนวน 1.5 พันล้านบาท

 

            เงินกองทุนรวมของกลุ่มธนาคาร ณ สิ้นวันที่ 30 กันยายน 2566 มีจำนวน 58.3 พันล้านบาท คิดเป็นอัตราส่วนเงินกองทุนรวมต่อสินทรัพย์เสี่ยงร้อยละ 20.9 โดยเป็นอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ร้อยละ 15.5

 สรุปผลการดำเนินงานงวด  30 กันยายน 2566 (งบการเงินรวม : หน่วย ล้านบาท)
  9M2023 9M2022 เปลี่ยนแปลง % (YoY) 3Q2023 2Q2023 1Q2023
กำไรสุทธิ 1,736 2,811 -38.2 367 539 830
รายได้ดอกเบี้ยสุทธิ 7,355 7,081 3.9 2,476 2,533 2,346
รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิ 935 1,148 -18.6 269 340 326
เอ็นพีแอล Gross NPL            
 - จำนวน (ล้านบาท) 8,518 7,829   8,518 7,725 7,618
 - เปอร์เซ็นต์ต่อสินเชื่อรวม 3.2% 3.4%   3.2% 3.1% 3.1
อัตราค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพ 111.3% 113.6%   111.3% 122.1% 122.6%
อัตราค่าใช้จ่ายต่อรายได้ (cost to income ratio) 60.6% 53.2%   69.5% 62.8% 51.2%
เงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง 20.9% 20.5%   20.9% 21.2% 22.2%
-เงินกองทุนชั้นที่ 1 15.5% 15.0%   15.5% 15.7% 16.5%
NIM 2.6% 2.7%   2.6% 2.8% 2.6%
สำรอง 1,880 1,485 26.6 503 547  830
  30 Sep 2023 31Dec2022 เปลี่ยนแปลง  %(YoY)
เงินให้สินเชื่อ 249,395 235,257 6.0
เงินฝาก (รวมตั๋วแลกเงิน หุ้นกู้ ผลิตภัณฑ์การเงินบางประเภท) 298,170 289,744 2.9