Markets
ยังคงทำจุดสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางรายงานผลกำไรของบริษัทที่แข็งแกร่ง
- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ ฯ (UST)
ปรับลดลงในสัปดาห์นี้ โดยพันธบัตรอายุ 10 ปีลดลงสู่ระดับ 4.4% และอายุ 30 ปีลดลงสู่ระดับ 4.95%
- ดัชนีดอลลาร์สหรัฐ ฯ (DXY)
ลดลงมาอยู่ที่ระดับ 97 เนื่องจากตลาดคาดว่าจะมีการลดอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้ และมีการเสนอชื่อผู้ที่มีแนวโน้มทำนโยบายผ่อนคลายมากขึ้นให้มาเป็นประธาน Fed คนต่อไปแทน Jerome Powell
US/Europe
|
ประกาศข้อตกลงการค้ากับญี่ปุ่น โดยญี่ปุ่นจะลงทุนในสหรัฐฯ มูลค่า 550,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และตกลงลดอัตราภาษีสินค้าส่งออกจากญี่ปุ่นไปสหรัฐฯ จาก 25% เหลือ 15%
- ประธานาธิบดีทรัมป์ ได้ลงนามผ่านกฎหมาย “GENIUS Act”
ซึ่งกำหนดกรอบกฎหมายควบคุมสเตเบิลคอยน์ที่ตรึงราคากับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ ฯ
- การเจรจาระหว่างสหภาพยุโรป และสหรัฐ ฯ
ยังคงดำเนินต่อไป โดยมีความเป็นไปได้ที่จะลดอัตราภาษีสินค้าส่งออกจากยุโรปไปสหรัฐ ฯ เหลือ 15% การเจรจายังไม่สิ้นสุดและยังไม่มีการบรรลุข้อตกลงขั้นสุดท้าย
Asia/Australia
- ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของมาเลเซีย
ในเดือนมิถุนายนปรับขึ้น 1.1% YoY ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 4 ปี ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (Core inflation) ยังทรงตัวที่ 1.8% YoY
ประกาศมาตรการช่วยเหลือค่าครองชีพและกระตุ้นการบริโภค ได้แก่ การแจกเงินครั้งเดียวจำนวน 100 ริงกิต และการลดราคาน้ำมัน RON 95 สำหรับประชาชนมาเลเซีย
- อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานของญี่ปุ่น
ในเดือนมิถุนายนลดลงมาอยู่ที่ 3.3% จาก 3.7% แต่ยังคงอยู่เหนือเป้าหมายของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ที่ 2%
______________________________________________________________________________
Insights from CIMB Thai Investment Strategists
ภาพรวมการลงทุนทั่วโลกในสัปดาห์นี้พลิกกลับมาสดใสอย่างมีนัยสำคัญ บรรยากาศการลงทุนเข้าสู่ภาวะตลาดกระทิงอย่างเต็มตัว โดยได้รับแรงหนุนจากปัจจัยบวกหลายด้านที่เกิดขึ้นพร้อมกัน ตั้งแต่ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐฯ ที่ออกมาแข็งแกร่งกว่าที่คาดการณ์ไว้ ไปจนถึงความคาดหวังเชิงบวกต่อทิศทางการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางหลักทั่วโลกที่ชัดเจนขึ้นและการประกาศข้อตกลงทางการค้าใหม่ ๆ สิ่งเหล่านี้ได้ช่วยคลายความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวที่เคยกดดันตลาดก่อนหน้านี้ และจุดประกายให้นักลงทุนกล้าที่จะกลับเข้ามาลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงอีกครั้ง กลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้จึงเป็นการปรับพอร์ตเพื่อรับโอกาสจากแนวโน้มตลาดขาขึ้นที่จะยังคงดำเนินต่อไป โดยเน้นกระจายความเสี่ยงผ่านกองทุนรวมที่ลงทุนในตลาดหุ้นหลักทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐฯ ยุโรป หรือตลาดในเอเชียที่มีศักยภาพการเติบโตสูง เช่น หุ้นเทคโนโลยีจีน หุ้นอินเดียและหุ้นเวียดนาม
|
|