ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจของสหรัฐฯ เริ่มชะลอตัวลง ท่ามกลางความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการว่างงานและคาดการณ์เงินเฟ้อ ขณะที่นโยบายภาษีศุลกากรยังคงเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา การผ่อนปรนภาษีแบบต่างตอบแทนระยะเวลา 90 วัน ซึ่งเดิมมีกำหนดสิ้นสุดในวันที่ 8 กรกฎาคม ถูกเลื่อนออกไปเป็นวันที่ 1 สิงหาคม เพื่อเปิดโอกาสให้มีการเจรจาการค้าเพิ่มเติม ล่าสุดญี่ปุ่นและสหภาพยุโรปสามารถเจรจาข้อตกลงการค้ากับสหรัฐฯ ได้สำเร็จ โดยจะมีการเรียกเก็บภาษี 15% สำหรับสินค้าส่งออกไปยังสหรัฐฯ จากทั้งสองฝ่าย แลกกับข้องผูกมัดด้านการจัดซื้อพลังงานและการลงทุน อย่างไรก็ตาม สินค้าบางประเภทอาจเผชิญอัตราภาษีสูงกว่าหรือต่ำกว่าระดับดังกล่าว ขึ้นอยู่กับการเจรจาเพิ่มเติม ในส่วนของจีน สหรัฐ ฯ ปรับลดอัตราภาษีสินค้านำเข้าจากจีนลงจาก 145% เหลือ 30%
หลังจากลดอัตราดอกเบี้ยติดต่อกัน 8 ครั้ง ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ได้คงอัตราดอกเบี้ยไว้ในการประชุมล่าสุด ก่อนหน้านี้ ECB ได้ปรับลดคาดการณ์การเติบโตของ GDP ลงเหลือ 0.9% สำหรับปี 2025 และคาดการณ์การเติบโตของ GDP สำหรับปี 2026 ที่ระดับ 1.1% ซึ่งต่ำกว่าก่อนหน้านี้เล็กน้อย โปรแกรมการซื้อสินทรัพย์ (APP) และโปรแกรมการซื้อฉุกเฉินในช่วงโรคระบาด (PEPP) ของ ECB ได้หยุดการนำเงินต้นจากพันธบัตรที่ครบกำหนดกลับมาลงทุนใหม่แล้ว ECB กำลังดำเนินนโยบายผ่อนคลายทางการเงินอย่างเข้มข้นเพื่อสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยังอ่อนแอ ท่ามกลางความต้องการภายนอกที่ท้าทาย
ผู้ว่าการธนาคารแห่งอังกฤษ (BOE) นายแอนดรูว์ เบลีย์ ส่งสัญญาณแนวทางผ่อนคลายนโยบายการเงินอย่างเร่งด่วน พร้อมกับปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 25 bps ในเดือนกุมภาพันธ์และพฤษภาคมมาสู่ระดับ 4.25% โดยในเดือนพฤษภาคม BOE ได้ปรับลดประมาณการการเติบโตของ GDP สำหรับปี 2025 ลงจาก 1.5% เหลือ 1% และคาดว่า BOE จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกอย่างน้อยหนึ่งครั้งในปี 2025 ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (headline CPI) และ ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (core CPI) ปรับเพิ่มขึ้น 3.6% และ 3.7% ตามลำดับเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนโดยแรงขับเคลื่อนมาจากภาคบริการ ทั้งนี้ BOE คาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อจะเคลื่อนตัวเข้าสู่ระดับ 2% ในระยะยาว
หลังจากธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ในการประชุมเดือนธันวาคม ธนาคารได้ลงมติเสียงข้างมาก 8 ต่อ 1 เพื่อปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 25 bps สู่ระดับ 0.5% ในเดือนมกราคม ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 17 ปี อัตราเงินเฟ้อยังคงทรงตัวเหนือเป้าหมาย 2% ของ BOJ อย่างต่อเนื่อง ตลาดคาดการณ์ว่าการปรับขึ้นดอกเบี้ยรวมทั้งหมดในปี 2025 จะสูงถึง 50 bps เนื่องจากราคาสินค้าอาหารที่พุ่งสูงขึ้นอาจทำให้อัตราเงินเฟ้อเกินเป้าหมาย อย่างไรก็ตาม BOJ ยังรักษาความยืดหยุ่นในการปรับลดความรวดเร็วของการขึ้นดอกเบี้ย หากภาษีการค้าส่งผลกระทบต่อการเติบโตและแนวโน้มเงินเฟ้อในระยะสั้น ทางด้านเศรษฐกิจจีนยังคงขยายตัวเร็วกว่าที่ตั้งเป้าไว้ที่ 5% โดย GDP ขยายตัว 5.4% เมื่อเทียบปีต่อปีในไตรมาสแรกของปี 2025 และ 5.2% ในไตรมาสที่สอง
เศรษฐกิจอินเดียปีงบประมาณ 2024 ขยายตัวชะลอลงเหลือ 6.5% หลังจากเติบโตอย่างแข็งแกร่งที่ 8.2% ในปี 2023 ส่วนใหญ่เกิดจากการหดตัวของการใช้จ่ายภาครัฐ ดัชนีหุ้นอินเดียยังคงต่ำกว่าระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ประมาณ 4% อย่างไรก็ตาม การลดอัตราดอกเบี้ยรวม 100 bps ในการประชุมติดต่อกันสามครั้งที่ผ่านมาโดยธนาคารกลางของอินเดีย (RBI) การคาดการณ์การเพิ่มขึ้นของการใช้จ่ายภาครัฐ เงินเฟ้อที่ชะลอตัวลง และการลดภาษี ได้กระตุ้นความเชื่อมั่นในตลาด โดย RBI คาดการณ์ว่า GDP ปีนี้จะเติบโตอย่างมั่นคงที่ระดับ 6.5%
คลิก เพื่ออ่านรายละเอียดเพิ่มเติม