คุณอยู่ที่

  • ทำไมต้อง CIMB Preferred
  • บริการเพื่อความมั่งคั่ง
  • บทความ
  • วิธีการเข้าร่วมเป็น CIMB Preferred
  • บริการช่วยเหลือสำหรับคุณ
  • ลิงค์ด่วน
CIMB Rewards Program
โปรโมชั่นและสิทธิพิเศษสำหรับคุณโดยเฉพาะ
กิจกรรมและสัมมนา
ค้นหาระดับความเสี่ยงในการลงทุนของคุณ
บริการทางการเงินและการลงทุน
2025 Outlook
มุมมองการลงทุนประจำเดือน
กองทุนแนะนำ
กองทุนรวม (Mutual Fund)
มุมมองเศรษฐกิจและการลงทุนรายไตรมาส
Lifestyle
Structured Debenture
วางแผนทางการเงิน
Weekly Wealth Insights


🎯 เป้าหมายการลงทุน เข็มทิศที่พาพอร์ตคุณไปถึงฝั่งฝัน (Setting Investment Goals)  

 

เพราะการลงทุนที่ดี เริ่มต้นจากเป้าหมายที่ชัดเจน คุณเคยลงทุนโดยไม่รู้ว่าลงไปทำไมบ้างไหม ? ซื้อกองทุนเพราะเพื่อนแนะนำ ลงหุ้นเพราะเห็นคนอื่นกำไร หรือ DCA เพราะเขาว่าดี… แต่สุดท้ายก็ไม่แน่ใจว่า "แบบนี้ตอบโจทย์ชีวิตเราจริงหรือเปล่า ? "

 

 

การ “ตั้งเป้าหมายการลงทุน” จึงเป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญ และอาจเป็นสิ่งที่หลายคนมองข้าม ทั้งที่มันคือ จุดเริ่มต้นของการวางแผนที่มีประสิทธิภาพที่สุด

 

ทำไม “เป้าหมาย” ถึงสำคัญในการลงทุน ? เพราะเป้าหมายจะเป็นตัวกำหนดว่า

 

  • เราต้องใช้เงินเท่าไหร่ ?
  • ต้องใช้เมื่อไหร่ ?
  • ควรเลือกเครื่องมือการลงทุนแบบไหน ?
  • ต้องยอมรับความเสี่ยงแค่ไหน ?

 

 

ถ้าไม่มีเป้าหมาย ก็เหมือนขับรถโดยไม่มีแผนที่แต่ถ้าคุณมีเป้าหมายที่ชัดเจน การวางแผนทางการเงินจะกลายเป็นเรื่อง “ง่ายขึ้น” ทันที


____________________________________________________________________________________________________
 

ประเภทของเป้าหมายการลงทุน แบ่งได้ง่าย ๆ ตาม “ระยะเวลา” ที่เราต้องใช้เงิน

 

1️. เป้าหมายระยะสั้น (ภายใน 1 ปี)

 

เช่น ทริปท่องเที่ยว, ซื้อของชิ้นใหญ่, ตั้งทุนเรียนระยะสั้น, ต้องการลดหย่อนภาษี

→ ใช้เงินเร็ว ต้องเน้นความปลอดภัยเป็นหลัก เช่น เงินฝาก, ตราสารหนี้ระยะสั้น

 

2️. เป้าหมายระยะกลาง (1–5 ปี)

 

เช่น เงินดาวน์บ้าน, ค่าเรียนลูก, ตั้งตัวแต่งงาน, ต้องการรายได้สม่ำเสมอ

→ รับความเสี่ยงได้ระดับหนึ่ง  แต่เน้นความมั่นคง เช่น กองทุนผสม, REIT, หุ้นปันผล

3️. เป้าหมายระยะยาว (มากกว่า 5 ปี)

 

เช่น เกษียณ, สร้างความมั่งคั่ง, เรียนต่อลูก,

→ มีเวลาทบต้นยาว รับความผันผวนได้ เช่น หุ้น, กองทุนหุ้น, RMF


และที่สำคัญควรตั้งเป้าหมายการเงินที่ชัดกว่าแค่ ‘อยากรวย’ คำว่า “อยากรวย” อาจเป็นแรงผลักดันของใครหลายคน แต่สำหรับการลงทุนระยะยาวแล้ว คำนี้ ไม่ชัดพอ ที่จะใช้เป็นเข็มทิศทางการเงินเพราะในความเป็นจริง “ความรวย” ของแต่ละคน ไม่เท่ากันเลยเปลี่ยนจาก "อยากรวย" เป็น “เป้าหมายที่วัดได้” ซึ่งแรงผลักดันดังกล่าวอาจจะทำให้เรารับความเสี่ยงสูงเกินไปด้วยเช่นกัน

 

 

 

 

การตั้งเป้าหมายการเงินที่ดี ต้องมีลักษณะ ชัดเจน วัดผลได้ และมีกรอบเวลา หนึ่งในวิธีที่ใช้ได้ผลและเข้าใจง่าย คือหลักการ SMART Goals แต่ก่อนจะนำเป้าหมายไปจัดรูปแบบด้วย SMART คุณควรถามตัวเองให้ชัดว่า ในชีวิตจริงคุณต้องการอะไร เช่น อยากเกษียณเมื่อไหร่ อยากใช้ชีวิตแบบไหน ลูกจะเรียนต่อปีไหน ต้องการบ้านราคาเท่าไหร่ ฯลฯ

เป้าหมายที่ดี เริ่มต้นจาก “ชีวิตจริง” ไม่ใช่การลอกเป้าหมายของคนอื่น

แนวคิด SMART Goals ปรากฏครั้งแรกในปี 1981 โดย George T. Doran ผ่านบทความ “There’s a S.M.A.R.T. Way to Write Management’s Goals and Objectives” ในวารสาร Management Review โดยมีเป้าหมายเพื่อช่วยให้องค์กรตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนและวัดผลได้ แนวคิดนี้ถูกนำไปใช้ในระบบบริหารเป้าหมาย เช่น OKRs และ KPI โดยองค์กรชั้นนำอย่าง Google, Intel และ Amazon ซึ่งช่วยให้พนักงานหลายล้านคนทั่วโลกได้เรียนรู้และประยุกต์ใช้ผ่านการทำงานจริง

 

ปัจจุบัน SMART Goals ยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง เพราะใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน และสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้กับทั้งงานด้านธุรกิจ ชีวิตส่วนตัว และการวางแผนการเงินส่วนบุคคล โดยช่วยให้เป้าหมายมีความชัดเจน เป็นรูปธรรม วัดผลได้ สามารถประเมินผลได้อย่างมีระบบ ซึ่งนำไปสู่ความสำเร็จ

 

วิธีตั้ง “เป้าหมายการลงทุน” อย่างมีคุณภาพ (SMART Goals) หลักการยอดนิยมที่ใช้ได้กับเป้าหมายการเงินเช่นกัน

 

SMART ย่อมาจาก:

 

S - Specific (เจาะจง):

เป้าหมายควรมีความชัด เช่น “เกษียณตอนอายุ 55 โดยมีรายได้เดือนละ 30,000”

 

M - Measurable (วัดผลได้):

เป้าหมายควรมีตัวเลข เช่น ต้องมีเงินลงทุนสะสม 6 ล้านบาท

 

A - Achievable (ทำได้จริง):

ต้องสอดคล้องกับรายได้/ไลฟ์สไตล์ เช่น เก็บเดือนละ 5,000 พร้อมผลตอบแทนเฉลี่ยปีละ 6–8%

 

R - Relevant (ตรงกับชีวิตเรา):

ต้องตอบโจทย์ชีวิต ไม่ใช่เป้าหมายคนอื่น เช่น อยากมี Passive Income เพื่อดูแลครอบครัว

 

T - Time-bound (มีกรอบเวลา):

เช่น ต้องเก็บเงินให้ครบภายใน 15 ปี



ตัวอย่างเป้าหมายที่ชัดเจน

 

 

เมื่อคุณรู้เป้าหมายที่ชัดเจนและเหมาะสมกับตัวเองแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการวิเคราะห์ว่าเป้าหมายของคุณมี ‘ระยะเวลา’ และ ‘ระดับความเสี่ยง’ อย่างไร จากนั้นจึงเลือก ‘เครื่องมือทางการเงิน’ ที่ตอบโจทย์เป้าหมายแต่ละแบบได้อย่างตรงจุด

 

 

1. เงินฝากออมทรัพย์ / เงินฝากประจำ

 

เหมาะสำหรับ: เป้าหมายระยะสั้น ความเสี่ยงต่ำ

จุดเด่น: สภาพคล่องสูง เสี่ยงต่ำ

ข้อจำกัด: ผลตอบแทนต่ำ และอาจแพ้เงินเฟ้อในระยะยาว

2. กองทุนรวม (Mutual Funds)

 

เป็นเครื่องมือที่เข้าถึงง่าย กระจายความเสี่ยง และเริ่มต้นได้ด้วยเงินไม่มาก

กองทุนตลาดเงิน / ตราสารหนี้ระยะสั้น

เหมาะกับ: เป้าหมายระยะสั้น-กลาง

กองทุนผสม (Asset Allocation Funds)

เหมาะกับ: เป้าหมายระยะกลาง-ยาว

กองทุนหุ้น (Equity Funds)

เหมาะกับ: เป้าหมายระยะยาว เช่น เกษียณ หรือสร้างความมั่งคั่ง การจ่ายด้วยเวลาสำหรับการลงทุนที่มีคุณภาพช่วยลดผลกระทบจากความผันผวนได้ด้วยเช่นกัน

3. หุ้น (Stocks)

 

เหมาะสำหรับ: ผู้ที่รับความเสี่ยงได้สูง และต้องการผลตอบแทนในระยะยาว

จุดเด่น: โอกาสให้ผลตอบแทนสูงในระยะยาว

ข้อควรระวัง: มีความผันผวนสูง ต้องศึกษาและติดตามอย่างใกล้ชิด

4. ETF (Exchange Traded Fund)

 

เหมาะสำหรับ: นักลงทุนที่อยากได้ผลตอบแทนแบบหุ้น แต่ไม่อยากเลือกหุ้นรายตัวเอง ต้องการสะสมพอร์ตระยะยาวแบบมีวินัย (DCA ได้) ซึ่งกองทุนรวมในไทยหลายกองทุนก็มีการลงทุนใน ETF เพื่อการบริหารค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ
จุดเด่น: ค่าธรรมเนียมต่ำ ซื้อขายเหมือนหุ้น

นิยมใช้: สำหรับเป้าหมายระยะกลาง–ยาว

5. อสังหาริมทรัพย์ / REITs

 

อสังหา ฯ (ตึก, บ้าน): เหมาะกับผู้ที่มีทุนสูง มองหารายได้จากค่าเช่าและมูลค่าเพิ่ม

REITs (กองทุนอสังหา ฯ): เหมาะกับนักลงทุนทั่วไปที่อยากได้รายได้ประจำ (Passive Income)

6. ประกันชีวิตควบการลงทุน (Unit-Linked, ULIP)

 

เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ต้องการความคุ้มครอง + สะสมเงินในระยะยาว

ข้อควรพิจารณา: โครงสร้างซับซ้อน ค่าธรรมเนียมสูง ควรอ่านเงื่อนไขให้ชัดเจน

7. ทองคำ / ทรัพย์สินทางเลือก

เหมาะสำหรับ: การกระจายความเสี่ยงบางส่วน หรือป้องกันเงินเฟ้อ

เช่น: ทองคำแท่ง, กองทุนทอง, Crypto (ในสัดส่วนที่เหมาะสม)

 

 

สรุปเครื่องมือ vs เป้าหมายเบื้องต้น

 

 

 

จะเลือกเครื่องมือไหน ต้องดู 3 อย่างนี้ร่วมกัน

 

  • เป้าหมายคืออะไร ? ต้องการใช้เงินเมื่อไหร่ ใช้ทำอะไร
  • รับความเสี่ยงได้แค่ไหน? ทนเห็นเงินติดลบได้ไหม / ต้องการเงินต้นครบไหม
  • มีเวลาในการลงทุนกี่ปี? เวลานานรับความผันผวนได้มากขึ้น
     

 

“เป้าหมายคือเหตุผล เครื่องมือคือวิธีการ” ถ้าคุณเริ่มด้วยเครื่องมือก่อน คุณอาจไปผิดทางตั้งแต่ก้าวแรก

 

_____________________________________________________________________________________________________


Checklist ก่อนลงทุนตามเป้าหมาย



  • ตั้งเป้าหมายให้ชัดเจน
  • เข้าใจความเสี่ยงที่ตัวเองรับได้
  • เลือกเครื่องมือที่เหมาะสมกับระยะเวลา
  • มีวินัยการออมสม่ำเสมอ
  • การทบทวนเป้าหมายทุก 3 - 6 เดือน หรืออย่างน้อยปีละครั้ง จะช่วยให้คุณปรับแผนได้ทันก่อนจะหลุดโฟกัส

_____________________________________________________________________________________________________

 


สรุป
 

อย่าลงทุนเพียงเพราะ "คนอื่นทำ" แต่จงลงทุนเพราะคุณรู้ว่ากำลังเดินทางไปสู่ “เป้าหมายของตัวเอง” อิสรภาพทางการเงิน ไม่ได้แปลว่าต้องมีเงินมากที่สุด แต่ต้องเริ่มจากการมี “เป้าหมายที่ชัดเจน” และ “แผนที่พาไปถึงได้จริง” เพราะท้ายที่สุดแล้ว “ความมั่งคั่ง” ไม่ใช่แค่เรื่องของตัวเลขในบัญชี แต่คือคุณภาพชีวิตที่คุณออกแบบได้ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องเงินในอนาคต

 

____________________________________________________________________________________________________

 

คำเตือน

 

  • ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า (กองทุน) เงื่อนไข ผลตอบแทน ความเสี่ยง และขอคำแนะนำเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจลงทุน
  • ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ระบุไว้ในคู่มือการลงทุนด้วย
  • ข้อมูลนี้จัดทำโดยอาศัยแหล่งที่มาจากแหล่งข้อมูลสาธารณะซึ่งปรากฏขณะจัดทำ ซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงไปในแต่ละขณะ

 

 

นักลงทุนที่สนใจสามารถติดต่อเพื่อขอคำแนะนำการลงทุน หรือ ขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่
 

  • ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย ทุกสาขา
  • CIMB THAI Care Center โทร. 02 626 7777
  • LINE  Wealth & Preferred

 

 

เรียบเรียงโดย Wealth Advisory by CIMB THAI Bank

 

ตรวจสอบข้อมูลโดย คุณจิรไพบูลย์ รัตนภาณุรักษ์ (IP, FM, IA) ผู้อำนวยการที่ปรึกษาทางการเงิน Investment Strategist ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน)