JEPI เป็นกองทุน ETF ที่ออกแบบมาโดย JPMorgan เพื่อตอบโจทย์นักลงทุนที่ต้องการรายได้สม่ำเสมอพร้อมกับการเติบโตของเงินลงทุนในระยะยาว ด้วยขนาดสินทรัพย์ภายใต้การบริหารกว่า 30,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั่วโลก ด้วยความสามารถในการสร้างผลตอบแทนจากเงินปันผลที่น่าประทับใจที่ 7-8% ต่อปี พร้อมจ่ายปันผลทุกเดือน และที่สำคัญคือมีความผันผวนต่ำกว่าดัชนี S&P 500 อย่างมีนัยสำคัญ
กลยุทธ์การลงทุนที่เป็นเอกลักษณ์: Two-Pillar Strategy
JEPI ใช้กลยุทธ์การลงทุนที่เรียกว่า "Two-Pillar Strategy" ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างการลงทุนในหุ้นคุณภาพสูงและการใช้เครื่องมือทางการเงินที่เรียกว่า Options อย่างชาญฉลาด
เสาหลักที่ 1: การลงทุนในหุ้นคุณภาพสูง - ทีมผู้จัดการกองทุนของ JPMorgan ใช้กระบวนการคัดเลือกหุ้นขนาดใหญ่ในของสหรัฐฯ โดยวิเคราะห์บริษัทรายตัวอย่างละเอียด พิจารณาจากการเติบโตของกำไร ความมั่นคงของกระแสเงินสด และความผันผวนของราคา กองทุนกระจายการลงทุนในหุ้นประมาณ 90-120 ตัว โดยจำกัดสัดส่วนการลงทุนในแต่ละหุ้นไม่เกิน 2% และแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรมไม่เกิน 17.5% เพื่อลดความเสี่ยงจากการกระจุกตัว การกระจายการลงทุนเช่นนี้ช่วยลดความเสี่ยงและสร้างเสถียรภาพให้กับพอร์ตการลงทุนระยะยาว
เสาหลักที่ 2: กลยุทธ์ Covered Call - สิ่งที่ทำให้ JEPI โดดเด่นอย่างแท้จริง คือการใช้กลยุทธ์ที่เรียกว่า “Covered Call” ซี่งคือการที่ผู้ถือหุ้น (ในที่นี้คือกองทุน) ขายสิทธิ์ให้ผู้อื่นซื้อหุ้นของตนในราคาที่กำหนดไว้ล่วงหน้า ซึ่งมักสูงกว่าราคาตลาดปัจจุบันเล็กน้อย เพื่อแลกกับ “ค่า Premium” ที่ผู้ซื้อสิทธิ์ต้องจ่ายให้
จากกลยุทธิ์การขายสิทธิ์ดังกล่าว กองทุนสามารถสร้างรายได้เพิ่มเติมประมาณ 5-8% ต่อปี ซึ่งเมื่อรวมกับเงินปันผลปกติจากหุ้นที่ถืออยู่อีก 1-2% ต่อปี ทำให้ JEPI สามารถสร้างรายได้สม่ำเสมอจากการจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนได้ในระดับที่น่าพอใจ
หลายคนอาจรู้สึกกังวลเมื่อได้ยินคำว่า Options เพราะมักเข้าใจว่าเป็นการเก็งกำไรที่มีความเสี่ยงสูง แต่แท้จริงแล้ว Options เป็นเครื่องมือทางการเงินที่มีประโยชน์มากถ้าใช้อย่างถูกวิธี ลองนึกภาพง่ายๆ สมมติคุณเป็นเจ้าของหุ้น Apple ที่ราคา 150 ดอลลาร์ แล้วมีคนจ่าย Premium ให้คุณทันที 3 ดอลลาร์ต่อหุ้น เพื่อขอสิทธิ์ซื้อหุ้นคุณที่ 160 ดอลลาร์ ภายใน 1 เดือน ถ้าราคาหุ้นไม่ถึง 160 ดอลลาร์ สิทธิ์นั้นจะหมดอายุ คุณก็ได้ค่าพรีเมียมไปเต็มๆ พร้อมถือหุ้นต่อ แต่ถ้าราคาทะลุ 160 ดอลลาร์ คนซื้อสิทธิ์ก็จะทำการใช้สิทธิ์ซื้อหุ้นจากคุณที่ 160 ดอลลาร์ ซึ่งคุณก็ยังได้กำไรส่วนต่างราคา 10 ดอลลาร์ (160–150) บวกกับ Premium 3 ดอลลาร์ที่ได้รับไว้ก่อนแล้ว
JEPI ใช้หลักการเดียวกันนี้กับพอร์ตหุ้น โดยกองทุนสามารถเก็บค่า Premium ได้อย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง ก่อนจะนำมาจ่ายเป็นผลตอบแทนรายเดือนให้ผู้ถือหน่วยลงทุนได้ในระดับที่น่าพึงพอใจ ทั้งหมดนี้คือเคล็ดลับในการเปลี่ยนความผันผวนของตลาดให้กลายเป็นรายได้ประจำอย่างชาญฉลาดของ JEPI นั่นเอง
ผลงานและจุดเด่นที่พิสูจน์ความแข็งแกร่งในภาวะตลาดผันผวน
JEPI ได้พิสูจน์ความแข็งแกร่งโดยเฉพาะในช่วงตลาดขาลงหรือภาวะตลาดผันผวนหนัก เช่นในปี 2022 ที่ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลงแรง JEPI ขาดทุนเพียง 3.53% เทียบกับ S&P 500 ที่ร่วงถึง 18.11% ตั้งแต่จัดตั้งกองทุนในปี 2020 JEPI สร้างผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีที่ 13.36% พร้อมจ่ายปันผลสูงถึง 7-8% ต่อปี เทียบกับ S&P 500 ที่ให้ปันผลเพียง 1.28% และที่สำคัญคือจ่ายทุกเดือนอย่างสม่ำเสมอ อีกทั้งความผันผวนของกองทุนยังต่ำกว่าตลาดถึง 35%
สิ่งที่นักลงทุนควรพิจารณา
เช่นเดียวกับกองทุนทุกประเภท JEPI มีความเสี่ยงที่นักลงทุนควรทำความเข้าใจ ประการแรก ด้วยกลยุทธ์ Options ทำให้โอกาสรับผลตอบแทนอาจจำกัดในช่วงตลาดขาขึ้นแรง โดยอาจได้ผลตอบแทนน้อยกว่าตลาดในช่วงหุ้นพุ่งแรง และรายได้จาก Options อาจผันผวนตามสภาวะตลาด เนื่องจากค่าสิทธิ์ Premium ที่กองทุนเก็บได้จากกลยุทธ์ Covered call จะขึ้นลงตามสภาวะตลาด
สรุป: ทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนยุคใหม่
JEPI เป็นนวัตกรรมการลงทุนที่ตอบโจทย์นักลงทุนที่ต้องการรายได้สม่ำเสมอ พร้อมความเสี่ยงที่จัดการได้ กองทุนนี้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการรายได้จากเงินปันผลประจำ นักลงทุนที่ต้องการลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ แต่รับความเสี่ยงได้ไม่สูง รวมถึงผู้ที่กำลังมองหาทางเลือกการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนดีกว่าเงินฝาก ด้วยประวัติผลการดำเนินงานที่โดดเด่นและการจัดการความเสี่ยงอย่างเป็นระบบ JEPI จึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับการสร้างพอร์ตการลงทุนในยุคที่อัตราดอกเบี้ยผันผวนและตลาดหุ้นเต็มไปด้วยความท้าทาย
ข่าวดีสำหรับนักลงทุนไทย! ขณะนี้มีกองทุน MUSPIN-H และ MUSPIN-UH เป็น IPO เปิดใหม่ที่มี JPM US Equity Premium Income Active UCTITS ETF (JEPI UCITS) เป็นกองแม่ซึ่งมีกลยุทธ์การลงทุนแบบเดียวกับ JEPI สำหรับ Non-US investors ถือเป็นโอกาสที่นักลงทุนไทยจะสามารถเข้าถึงกลยุทธ์การลงทุนระดับโลกนี้ได้อย่างสะดวก
นักลงทุนที่สนใจสามารถติดต่อเพื่อขอคำแนะนำการลงทุน หรือ ขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่
ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย ทุกสาขา
CIMB THAI Care Center โทร. 02 626 7777
LINE Wealth & Preferred
คำเตือน:
- ผลการดำเนินงานในอดีต/การเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้อง มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
- ข้อมูลนี้จัดทำโดยอาศัยที่มาจากแหล่งข้อมูลสาธารณะซึ่งปรากฎขณะจัดทำ ซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงไปแต่ละขณะ ผู้ลงทุนโปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า (กองทุน) เงื่อนไข ผลตอบแทน ความเสี่ยงและขอคำแนะนำเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจลงทุน
จัดทำข้อมูลและตรวจสอบข้อมูลโดย
- วรัญญู อ่างทอง ที่ปรึกษาการลงทุน Investment Strategist ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน)
- จิรไพบูลย์ รัตนภาณุรักษ์ (IP, FM, IA) ผู้อำนวยการที่ปรึกษาทางการเงิน Investment Strategist ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน)
