Apple Inc. บริษัทที่ใหญ่ที่สุดอันดับที่ 1 ของโลกซึ่งมีอายุเพียง 48 ปี เมื่อต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายของสงครามการค้าและการแข่งขันด้านเทคโนโลยี Artificial Intelligence (AI) ที่ดุเดือด พร้อมการปรับตัวผ่านการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 ของโลก Apple จะมีวิธีรับมือกับเหตุการณ์นี้อย่างไร

 

ถ้าพูดถึงระบบนิเวศที่ดีและความภักดีต่อแบรนด์ที่แข็งแกร่งหลาย ๆ คนคงนึกถึงบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของโลกอย่าง Apple ซึ่งเมื่อผู้ใช้งานเข้าสู่ระบบนิเวศของ Apple แล้วการจะออกจากระบบนิเวศนี้เป็นเรื่องที่ทำได้ยากพอสมควร เนื่องจากความยากในการเปลี่ยนถ่ายข้อมูล ความเชื่อมโยงของระบบปฏิบัติการ ความคุ้นชิน และระบบนิเวศที่เป็นเอกลักษณ์ของ Apple

 

ในยุคที่เทคโนโลยีก้าวไปอย่างรวดเร็ว “ระบบนิเวศของ Apple” (Apple Ecosystem) ได้กลายเป็นหนึ่งในแนวคิดที่ถูกยกย่องในฐานะที่สร้างประสบการณ์การใช้งานที่ไร้รอยต่อให้กับผู้ใช้ทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ หรือบริการต่าง ๆ ที่ Apple นำเสนอ ระบบนิเวศนี้ไม่เพียงแต่ทำให้ผู้ใช้สะดวกสบายในชีวิตประจำวันเท่านั้น แต่ยังช่วยเสริมสร้างความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวที่สูงขึ้นอีกด้วย

 

ระบบนิเวศของ Apple คืออะไร?

 

ระบบนิเวศของ Apple หมายถึงการผสานรวมของผลิตภัณฑ์และบริการที่ออกแบบมาให้สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างสมบูรณ์แบบ

  • อุปกรณ์: เช่น iPhone, iPad, Mac, Apple Watch, และ HomePo
  • ซอฟต์แวร์: ระบบปฏิบัติการ iOS, macOS, iPadOS, watchOS ที่มีการอัปเดตและออกแบบให้ใช้งานร่วมกันได้
  • บริการ: เช่น iCloud, Apple Music, Apple Pay, Apple TV+ และ App Store ที่ช่วยสร้างประสบการณ์ใช้งานที่เชื่อมโยงกัน

 

Apple Ecosystem ทำงานอย่างไร?

 

Apple ได้ออกแบบผลิตภัณฑ์และบริการทุกชิ้นให้อยู่ในระบบเดียวกันอย่างลงตัว

  • การเชื่อมต่อและการทำงานร่วมกันอย่างราบรื่น เมื่อคุณใช้ iPhone ควบคู่กับ Mac หรือ Apple Watch คุณจะได้สัมผัสกับฟีเจอร์ที่เชื่อมโยงกันอย่าง Handoff, AirDrop, Universal Clipboard และ Continuity Camera ซึ่งช่วยให้การทำงานข้ามอุปกรณ์เป็นไปอย่างราบรื่น
  • บริการที่เสริมความสะดวกสบาย บริการอย่าง iCloud ช่วยให้คุณเก็บข้อมูลและเชื่อมต่อไฟล์ระหว่างอุปกรณ์ได้อย่างง่ายดาย อีกทั้ง Apple Pay และ Apple Music ยังทำให้ชีวิตประจำวันสะดวกและปลอดภัยมากขึ้น
  • ระบบบ้านอัจฉริยะ ด้วย Apple HomeKit ผู้ใช้สามารถควบคุมอุปกรณ์สมาร์ทโฮม เช่น ไฟ, ระบบรักษาความปลอดภัย, และอุปกรณ์อื่น ๆ ผ่านอุปกรณ์ Apple ได้อย่างง่ายดาย

 

ระบบนิเวศของ Apple ไม่เพียงแต่เป็นการรวมฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และบริการเข้าด้วยกันอย่างลงตัว แต่ยังเป็นตัวขับเคลื่อนหลักที่ช่วยให้ผู้ใช้งานได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดในด้านความสะดวก ความปลอดภัย และความเป็นส่วนตัว จากการที่ Apple พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ทำงานร่วมกันได้อย่างไร้รอยต่อ ทำให้ระบบนิเวศนี้เป็นหนึ่งในเหตุผลหลักที่ช่วยสร้างความภักดีในแบรนด์และส่งเสริมให้ลูกค้ากลับมาใช้ผลิตภัณฑ์ของ Apple อย่างต่อเนื่อง

 

ในยุคที่เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) กำลังเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตและธุรกิจทั่วโลก Apple ได้เลือกที่จะเดินตามเส้นทางของตนเองด้วยแนวทางที่แตกต่างจากคู่แข่งรายใหญ่หลายราย โดยเน้นการพัฒนา AI ภายในองค์กร (in-house) ควบคู่ไปกับการรักษาความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้

 

ในขณะที่บริษัทเทคโนโลยีหลายแห่งเปิดตัวผลิตภัณฑ์และบริการที่เน้น AI อย่างรวดเร็ว Apple กลับเลือกที่จะวางรากฐานอย่างรอบคอบ ด้วยการผสมผสานความเชี่ยวชาญในฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์เข้าด้วยกัน ทำให้การนำเสนอฟีเจอร์ที่ใช้ AI มีความน่าเชื่อถือและตอบโจทย์ผู้ใช้งานในทุกด้าน

 

Apple ได้ริเริ่มโครงการ “Apple Intelligence” ซึ่งเป็นการมุ่งเน้นพัฒนาเทคโนโลยี AI ผ่านการออกแบบชิปประมวลผลภายในที่เหมาะสมกับการใช้งานบนอุปกรณ์ต่าง ๆ แทนการพึ่งพาชิปจากผู้ผลิตภายนอกอย่าง Nvidia ด้วยเหตุผลที่ Apple เน้นการประมวลผลบนอุปกรณ์ เช่น Iphone โดยให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของข้อมูลผู้ใช้ โดยการให้ข้อมูลไม่ต้องส่งออกไปประมวลผลที่เซิร์ฟเวอร์กลาง

 

ในขณะที่บริษัทอื่น ๆ อย่าง Google, Amazon หรือ Microsoft ลงทุนในโมเดล AI ขนาดใหญ่และระบบคลาวด์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในด้าน AI Apple เน้นที่การสร้างประสบการณ์ใช้งานที่เป็นธรรมชาติและตอบโจทย์ความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ โดยมีจุดเด่น เช่น ฟีเจอร์ AI ถูกนำมาใช้เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพของ Siri, การประมวลผลภาพ และการจัดการข้อมูลในระบบ iOS, macOS ทำให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้นด้วยแนวทาง “privacy by design” Apple จึงสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ใช้ที่ต้องการความปลอดภัยในข้อมูลส่วนบุคคล

 

แม้ว่า Apple จะมีแนวทางที่ชัดเจนในการพัฒนา AI แต่ก็ยังเผชิญกับความท้าทายหลายประการ เช่น

  1. ข้อจำกัดด้านกฎหมายและข้อบังคับ โดยเฉพาะในตลาดจีนที่มีข้อจำกัดในการนำเสนอฟีเจอร์ AI เนื่องจากกฎระเบียบของรัฐบาล
  2. การแข่งขันในตลาดโลก การแข่งขันกับบริษัทเทคโนโลยีที่มีการลงทุนอย่างหนักใน AI อาจกดดันให้ Apple ต้องเร่งพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ ๆ
  3. ความคาดหวังของผู้บริโภค การที่ AI ของ Apple ยังไม่สามารถกระตุ้นยอดขาย iPhone ได้อย่างมีนัยสำคัญในบางตลาด ทำให้ต้องปรับกลยุทธ์และพัฒนาให้เข้ากับความต้องการของผู้ใช้มากขึ้น

 

Apple มีแผนที่จะขยายการใช้งาน AI ในหลากหลายด้าน โดยคาดว่าจะมีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่ผสาน AI อย่างลึกซึ้งในระบบนิเวศของ Apple ไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุง Siri, ฟีเจอร์ใหม่ในอุปกรณ์ iOS หรือการพัฒนาชิป AI ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น นอกจากนี้ การขยายฐานการผลิตในตลาดเกิดใหม่อย่างอินเดียก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยสนับสนุนการเติบโตในด้าน

เทคโนโลยี AI ของ Apple

 

AI ของ Apple เป็นส่วนสำคัญในยุทธศาสตร์การพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการของบริษัท ด้วยการเน้นการพัฒนาแบบภายในและการรักษาความเป็นส่วนตัว Apple กำลังมุ่งสู่การสร้างประสบการณ์ผู้ใช้ที่ยอดเยี่ยมในทุกด้าน แม้จะเผชิญกับความท้าทายในตลาดโลก แต่การผสมผสานเทคโนโลยีเข้ากับระบบนิเวศของ Apple ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้บริษัทนี้เป็นผู้นำด้านนวัตกรรมในยุค AI

 

ผลประกอบการไตรมาส 4 ปี 2024

 

ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2024 Apple ยังคงแสดงศักยภาพทางธุรกิจและความสามารถในการทำกำไร แม้จะเผชิญกับความท้าทายในตลาดสมาร์ทโฟนและการแข่งขันที่รุนแรงจากคู่แข่ง รายงานงบการเงินเผยให้เห็นถึงแนวโน้มที่ดีในหลายส่วนประกอบและแผนการขยายธุรกิจในอนาคต

 

Apple รายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 4 ปี 2024 โดยมีรายได้รวมเพิ่มขึ้น 4% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว โดยมีรายได้รวมอยู่ที่ 124.3 พันล้านดอลลาร์ การเติบโตนี้เป็นสัญญาณที่ดีแม้ในสภาวะเศรษฐกิจที่มีความไม่แน่นอนและการแข่งขันที่ทวีความรุนแรงในตลาดเทคโนโลยี กำไรสุทธิ ของบริษัทก็เพิ่มขึ้นถึง 7.1% โดยอยู่ที่ 36.33 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่ EPS(กำไรต่อหุ้น) เพิ่มขึ้น 10.1% เป็น 2.40 ดอลลาร์สหรัฐต่อหุ้น ทั้งนี้ Apple ยังคงควบคุมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานและลงทุนในงานวิจัยและพัฒนา (R&D) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

1. การเติบโตของธุรกิจบริการและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง

  • ธุรกิจบริการ (Services): ผลการดำเนินงานในส่วนนี้โดดเด่นด้วยการเติบโตที่แข็งแกร่ง ร้อยละประมาณ 13.9 – 14% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ซึ่งสร้างรายได้รวมอยู่ที่ 26.3 พันล้านดอลลาร์ ยืนยันทิศทางเชิงกลยุทธ์ของ Apple ที่มุ่งเน้นการขยายรายได้จากบริการสมัครสมาชิกและการให้บริการเสริมต่าง ๆ
  • ยอดขาย Mac และ iPad: สองส่วนนี้มีการเติบโตที่ดี โดยยอดขาย Mac และ iPad เพิ่มขึ้นประมาณ 16% และ 15 ตามลำดับ ส่งผลให้สามารถช่วยชดเชยยอดขายในกลุ่ม iPhone ที่ลดลง

 

2. ผลการดำเนินงานของ iPhone แม้ว่ายอดขาย iPhone จะคิดเป็นมากกว่า 50% ของรายได้รวม แต่ในไตรมาสนี้ยอดขาย iPhone โดยรวมลดลง 1% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าในเดือนธันวาคม โดยเฉพาะในตลาดจีนแผ่นดินใหญ่ที่ยอดขายลดลงถึง 11% เหลือเพียง 18.5 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งต่ำกว่าการคาดการณ์ไว้ที่ 21.5 พันล้านดอลลาร์ ปัจจัยที่ส่งผล ได้แก่

  • การปรับสต็อกสินค้า: ซึ่งเป็นการปรับสมดุลในระดับสากล
  • แรงกดดันจากภาวะเศรษฐกิจ: และผลกระทบจากการแข่งขันที่รุนแรงในตลาดจีน
  • ข้อจำกัดด้านเทคโนโลยี AI: Apple ยังอยู่ในช่วงการพัฒนาและปรับปรุงฟีเจอร์ AI บนอุปกรณ์ iPhone ทำให้การกระตุ้นยอดขายผ่านนวัตกรรมใหม่ ๆ ยังต้องใช้เวลาในการปรับกลยุทธ์

 

3. การลงทุนในงานวิจัยและพัฒนา (R&D) Apple ลงทุนในงานวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยค่าใช้จ่ายในส่วนนี้อยู่ที่ 8.27 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นประมาณ 7.4% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า การลงทุนใน R&D นี้มีความสำคัญต่อการพัฒนานวัตกรรม ทั้งในด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ ซึ่งช่วยยกระดับประสบการณ์ของผู้ใช้งานและเตรียมความพร้อมสำหรับผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ในอนาคต

 

แนวโน้มสำหรับไตรมาสที่ 1 ปี 2025

 

Apple ให้แนวทางที่ระมัดระวังแต่ยังคงมองเห็นโอกาสเติบโตในไตรมาสที่ 1 โดยคาดการณ์ว่ารายได้จะเติบโตในระดับตัวเลขหลักเดียว (low to mid-single digits YoY) ในขณะที่ธุรกิจบริการคาดว่าจะเติบโตในช่วงตัวเลขสองหลักระดับต่ำ (low double digits YoY) นอกจากนี้ บริษัทคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะอยู่ในช่วง 46.5-47.5% และคาดการใช้จ่ายในการดำเนินงานอยู่ที่ประมาณ 15.1-15.3 พันล้านดอลลาร์

 

การขยายตลาดและกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์

แม้จะมีความท้าทายในด้านยอดขาย iPhone ในบางภูมิภาค Apple ยังคงมีความเข้มแข็งในธุรกิจบริการและผลิตภัณฑ์อื่น ๆ เช่น Mac และ iPad รวมถึงการขยายฐานลูกค้าในตลาดเกิดใหม่อย่างอินเดีย ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยเสริมสร้างรายได้ในระยะยาว

นอกจากนี้ แผนการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เช่น iPhone SE รุ่นใหม่และการอัปเดต MacBook Air จะช่วยเสริมทัพให้กับแนวโน้มการเติบโตในอนาคต

 

ผลประกอบการไตรมาสที่ 4 ในปี 2024 ของ Apple สะท้อนถึงความแข็งแกร่งและความยืดหยุ่นของบริษัทในยุคที่ตลาดมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว รายได้ที่เพิ่มขึ้นและกำไรสุทธิที่เติบโต รวมถึงการขยายธุรกิจบริการและการลงทุนใน R&D ล้วนเป็นสัญญาณที่ดีในการเตรียมความพร้อมสำหรับการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ในอนาคต เช่น AI ผู้ช่วยที่มีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้น แม้ว่าการลดลงของยอดขาย iPhone โดยเฉพาะในบางตลาดจะเป็นความท้าทายที่ Apple ต้องแก้ไข แต่กลยุทธ์ในการขยายตลาดและการเพิ่มประสิทธิภาพในแต่ละส่วนธุรกิจช่วยให้บริษัทยังคงความเป็นผู้นำและพร้อมที่จะก้าวต่อไปในยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 ของโลก

 

 

 

นักลงทุนที่สนใจสามารถติดต่อเพื่อขอคำแนะนำการลงทุน หรือ ขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่

ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย ทุกสาขา

CIMB THAI Care Center โทร. 02 626 7777

LINE Wealth & Preferred

 

คำเตือน:

  • ผลการดำเนินงานในอดีต/การเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้อง มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
  • ข้อมูลนี้จัดทำโดยอาศัยที่มาจากแหล่งข้อมูลสาธารณะซึ่งปรากฎขณะจัดทำ ซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงไปแต่ละขณะ ผู้ลงทุนโปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า (กองทุน) เงื่อนไข ผลตอบแทน ความเสี่ยงและขอคำแนะนำเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจลงทุน

 

จัดทำข้อมูลและตรวจสอบข้อมูลโดย

  • คุณนนทกร งามสุนทรานันท์  ที่ปรึกษาการลงทุน Investment Strategist ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย (มหาชน)
  • จิรไพบูลย์ รัตนภาณุรักษ์ (IP, FM, IA) ผู้อำนวยการที่ปรึกษาทางการเงิน Investment Strategist ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน)