You Are In

  • Why Us
  • Wealth Solutions
  • Market Perspective
  • How to become CIMB Preferred
  • Help & Support
  • Quicklink
CIMB Rewards Program
Preferred Promotions
Events and Seminars
Know Your Risk Appetite
Wealth Solution Products
2025 Outlook
Monthly Investment
Highlighted Fund
Mutual Fund
Quarterly Outlook
Lifestyle
Structured Debenture
Financial Planning

 

Apple Inc. บริษัทที่ใหญ่ที่สุดอันดับที่ 1 ของโลกซึ่งมีอายุเพียง 48 ปี เมื่อต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายของสงครามการค้าและการแข่งขันด้านเทคโนโลยี Artificial Intelligence (AI) ที่ดุเดือด พร้อมการปรับตัวผ่านการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 ของโลก Apple จะมีวิธีรับมือกับเหตุการณ์นี้อย่างไร

 

ถ้าพูดถึงระบบนิเวศที่ดีและความภักดีต่อแบรนด์ที่แข็งแกร่งหลาย ๆ คนคงนึกถึงบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของโลกอย่าง Apple ซึ่งเมื่อผู้ใช้งานเข้าสู่ระบบนิเวศของ Apple แล้วการจะออกจากระบบนิเวศนี้เป็นเรื่องที่ทำได้ยากพอสมควร เนื่องจากความยากในการเปลี่ยนถ่ายข้อมูล ความเชื่อมโยงของระบบปฏิบัติการ ความคุ้นชิน และระบบนิเวศที่เป็นเอกลักษณ์ของ Apple

 

ในยุคที่เทคโนโลยีก้าวไปอย่างรวดเร็ว “ระบบนิเวศของ Apple” (Apple Ecosystem) ได้กลายเป็นหนึ่งในแนวคิดที่ถูกยกย่องในฐานะที่สร้างประสบการณ์การใช้งานที่ไร้รอยต่อให้กับผู้ใช้ทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ หรือบริการต่าง ๆ ที่ Apple นำเสนอ ระบบนิเวศนี้ไม่เพียงแต่ทำให้ผู้ใช้สะดวกสบายในชีวิตประจำวันเท่านั้น แต่ยังช่วยเสริมสร้างความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวที่สูงขึ้นอีกด้วย

 

ระบบนิเวศของ Apple คืออะไร?

 

ระบบนิเวศของ Apple หมายถึงการผสานรวมของผลิตภัณฑ์และบริการที่ออกแบบมาให้สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างสมบูรณ์แบบ

  • อุปกรณ์: เช่น iPhone, iPad, Mac, Apple Watch, และ HomePo
  • ซอฟต์แวร์: ระบบปฏิบัติการ iOS, macOS, iPadOS, watchOS ที่มีการอัปเดตและออกแบบให้ใช้งานร่วมกันได้
  • บริการ: เช่น iCloud, Apple Music, Apple Pay, Apple TV+ และ App Store ที่ช่วยสร้างประสบการณ์ใช้งานที่เชื่อมโยงกัน

 

Apple Ecosystem ทำงานอย่างไร?

 

Apple ได้ออกแบบผลิตภัณฑ์และบริการทุกชิ้นให้อยู่ในระบบเดียวกันอย่างลงตัว

  • การเชื่อมต่อและการทำงานร่วมกันอย่างราบรื่น เมื่อคุณใช้ iPhone ควบคู่กับ Mac หรือ Apple Watch คุณจะได้สัมผัสกับฟีเจอร์ที่เชื่อมโยงกันอย่าง Handoff, AirDrop, Universal Clipboard และ Continuity Camera ซึ่งช่วยให้การทำงานข้ามอุปกรณ์เป็นไปอย่างราบรื่น
  • บริการที่เสริมความสะดวกสบาย บริการอย่าง iCloud ช่วยให้คุณเก็บข้อมูลและเชื่อมต่อไฟล์ระหว่างอุปกรณ์ได้อย่างง่ายดาย อีกทั้ง Apple Pay และ Apple Music ยังทำให้ชีวิตประจำวันสะดวกและปลอดภัยมากขึ้น
  • ระบบบ้านอัจฉริยะ ด้วย Apple HomeKit ผู้ใช้สามารถควบคุมอุปกรณ์สมาร์ทโฮม เช่น ไฟ, ระบบรักษาความปลอดภัย, และอุปกรณ์อื่น ๆ ผ่านอุปกรณ์ Apple ได้อย่างง่ายดาย

 

ระบบนิเวศของ Apple ไม่เพียงแต่เป็นการรวมฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และบริการเข้าด้วยกันอย่างลงตัว แต่ยังเป็นตัวขับเคลื่อนหลักที่ช่วยให้ผู้ใช้งานได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดในด้านความสะดวก ความปลอดภัย และความเป็นส่วนตัว จากการที่ Apple พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ทำงานร่วมกันได้อย่างไร้รอยต่อ ทำให้ระบบนิเวศนี้เป็นหนึ่งในเหตุผลหลักที่ช่วยสร้างความภักดีในแบรนด์และส่งเสริมให้ลูกค้ากลับมาใช้ผลิตภัณฑ์ของ Apple อย่างต่อเนื่อง

 

ในยุคที่เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) กำลังเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตและธุรกิจทั่วโลก Apple ได้เลือกที่จะเดินตามเส้นทางของตนเองด้วยแนวทางที่แตกต่างจากคู่แข่งรายใหญ่หลายราย โดยเน้นการพัฒนา AI ภายในองค์กร (in-house) ควบคู่ไปกับการรักษาความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้

 

ในขณะที่บริษัทเทคโนโลยีหลายแห่งเปิดตัวผลิตภัณฑ์และบริการที่เน้น AI อย่างรวดเร็ว Apple กลับเลือกที่จะวางรากฐานอย่างรอบคอบ ด้วยการผสมผสานความเชี่ยวชาญในฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์เข้าด้วยกัน ทำให้การนำเสนอฟีเจอร์ที่ใช้ AI มีความน่าเชื่อถือและตอบโจทย์ผู้ใช้งานในทุกด้าน

 

Apple ได้ริเริ่มโครงการ “Apple Intelligence” ซึ่งเป็นการมุ่งเน้นพัฒนาเทคโนโลยี AI ผ่านการออกแบบชิปประมวลผลภายในที่เหมาะสมกับการใช้งานบนอุปกรณ์ต่าง ๆ แทนการพึ่งพาชิปจากผู้ผลิตภายนอกอย่าง Nvidia ด้วยเหตุผลที่ Apple เน้นการประมวลผลบนอุปกรณ์ เช่น Iphone โดยให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของข้อมูลผู้ใช้ โดยการให้ข้อมูลไม่ต้องส่งออกไปประมวลผลที่เซิร์ฟเวอร์กลาง

 

ในขณะที่บริษัทอื่น ๆ อย่าง Google, Amazon หรือ Microsoft ลงทุนในโมเดล AI ขนาดใหญ่และระบบคลาวด์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในด้าน AI Apple เน้นที่การสร้างประสบการณ์ใช้งานที่เป็นธรรมชาติและตอบโจทย์ความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ โดยมีจุดเด่น เช่น ฟีเจอร์ AI ถูกนำมาใช้เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพของ Siri, การประมวลผลภาพ และการจัดการข้อมูลในระบบ iOS, macOS ทำให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้นด้วยแนวทาง “privacy by design” Apple จึงสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ใช้ที่ต้องการความปลอดภัยในข้อมูลส่วนบุคคล

 

แม้ว่า Apple จะมีแนวทางที่ชัดเจนในการพัฒนา AI แต่ก็ยังเผชิญกับความท้าทายหลายประการ เช่น

  1. ข้อจำกัดด้านกฎหมายและข้อบังคับ โดยเฉพาะในตลาดจีนที่มีข้อจำกัดในการนำเสนอฟีเจอร์ AI เนื่องจากกฎระเบียบของรัฐบาล
  2. การแข่งขันในตลาดโลก การแข่งขันกับบริษัทเทคโนโลยีที่มีการลงทุนอย่างหนักใน AI อาจกดดันให้ Apple ต้องเร่งพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ ๆ
  3. ความคาดหวังของผู้บริโภค การที่ AI ของ Apple ยังไม่สามารถกระตุ้นยอดขาย iPhone ได้อย่างมีนัยสำคัญในบางตลาด ทำให้ต้องปรับกลยุทธ์และพัฒนาให้เข้ากับความต้องการของผู้ใช้มากขึ้น

 

Apple มีแผนที่จะขยายการใช้งาน AI ในหลากหลายด้าน โดยคาดว่าจะมีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่ผสาน AI อย่างลึกซึ้งในระบบนิเวศของ Apple ไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุง Siri, ฟีเจอร์ใหม่ในอุปกรณ์ iOS หรือการพัฒนาชิป AI ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น นอกจากนี้ การขยายฐานการผลิตในตลาดเกิดใหม่อย่างอินเดียก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยสนับสนุนการเติบโตในด้าน

เทคโนโลยี AI ของ Apple

 

AI ของ Apple เป็นส่วนสำคัญในยุทธศาสตร์การพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการของบริษัท ด้วยการเน้นการพัฒนาแบบภายในและการรักษาความเป็นส่วนตัว Apple กำลังมุ่งสู่การสร้างประสบการณ์ผู้ใช้ที่ยอดเยี่ยมในทุกด้าน แม้จะเผชิญกับความท้าทายในตลาดโลก แต่การผสมผสานเทคโนโลยีเข้ากับระบบนิเวศของ Apple ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้บริษัทนี้เป็นผู้นำด้านนวัตกรรมในยุค AI

 

ผลประกอบการไตรมาส 4 ปี 2024

 

ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2024 Apple ยังคงแสดงศักยภาพทางธุรกิจและความสามารถในการทำกำไร แม้จะเผชิญกับความท้าทายในตลาดสมาร์ทโฟนและการแข่งขันที่รุนแรงจากคู่แข่ง รายงานงบการเงินเผยให้เห็นถึงแนวโน้มที่ดีในหลายส่วนประกอบและแผนการขยายธุรกิจในอนาคต

 

Apple รายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 4 ปี 2024 โดยมีรายได้รวมเพิ่มขึ้น 4% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว โดยมีรายได้รวมอยู่ที่ 124.3 พันล้านดอลลาร์ การเติบโตนี้เป็นสัญญาณที่ดีแม้ในสภาวะเศรษฐกิจที่มีความไม่แน่นอนและการแข่งขันที่ทวีความรุนแรงในตลาดเทคโนโลยี กำไรสุทธิ ของบริษัทก็เพิ่มขึ้นถึง 7.1% โดยอยู่ที่ 36.33 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่ EPS(กำไรต่อหุ้น) เพิ่มขึ้น 10.1% เป็น 2.40 ดอลลาร์สหรัฐต่อหุ้น ทั้งนี้ Apple ยังคงควบคุมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานและลงทุนในงานวิจัยและพัฒนา (R&D) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

1. การเติบโตของธุรกิจบริการและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง

  • ธุรกิจบริการ (Services): ผลการดำเนินงานในส่วนนี้โดดเด่นด้วยการเติบโตที่แข็งแกร่ง ร้อยละประมาณ 13.9 – 14% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ซึ่งสร้างรายได้รวมอยู่ที่ 26.3 พันล้านดอลลาร์ ยืนยันทิศทางเชิงกลยุทธ์ของ Apple ที่มุ่งเน้นการขยายรายได้จากบริการสมัครสมาชิกและการให้บริการเสริมต่าง ๆ
  • ยอดขาย Mac และ iPad: สองส่วนนี้มีการเติบโตที่ดี โดยยอดขาย Mac และ iPad เพิ่มขึ้นประมาณ 16% และ 15 ตามลำดับ ส่งผลให้สามารถช่วยชดเชยยอดขายในกลุ่ม iPhone ที่ลดลง

 

2. ผลการดำเนินงานของ iPhone แม้ว่ายอดขาย iPhone จะคิดเป็นมากกว่า 50% ของรายได้รวม แต่ในไตรมาสนี้ยอดขาย iPhone โดยรวมลดลง 1% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าในเดือนธันวาคม โดยเฉพาะในตลาดจีนแผ่นดินใหญ่ที่ยอดขายลดลงถึง 11% เหลือเพียง 18.5 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งต่ำกว่าการคาดการณ์ไว้ที่ 21.5 พันล้านดอลลาร์ ปัจจัยที่ส่งผล ได้แก่

  • การปรับสต็อกสินค้า: ซึ่งเป็นการปรับสมดุลในระดับสากล
  • แรงกดดันจากภาวะเศรษฐกิจ: และผลกระทบจากการแข่งขันที่รุนแรงในตลาดจีน
  • ข้อจำกัดด้านเทคโนโลยี AI: Apple ยังอยู่ในช่วงการพัฒนาและปรับปรุงฟีเจอร์ AI บนอุปกรณ์ iPhone ทำให้การกระตุ้นยอดขายผ่านนวัตกรรมใหม่ ๆ ยังต้องใช้เวลาในการปรับกลยุทธ์

 

3. การลงทุนในงานวิจัยและพัฒนา (R&D) Apple ลงทุนในงานวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยค่าใช้จ่ายในส่วนนี้อยู่ที่ 8.27 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นประมาณ 7.4% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า การลงทุนใน R&D นี้มีความสำคัญต่อการพัฒนานวัตกรรม ทั้งในด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ ซึ่งช่วยยกระดับประสบการณ์ของผู้ใช้งานและเตรียมความพร้อมสำหรับผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ในอนาคต

 

แนวโน้มสำหรับไตรมาสที่ 1 ปี 2025

 

Apple ให้แนวทางที่ระมัดระวังแต่ยังคงมองเห็นโอกาสเติบโตในไตรมาสที่ 1 โดยคาดการณ์ว่ารายได้จะเติบโตในระดับตัวเลขหลักเดียว (low to mid-single digits YoY) ในขณะที่ธุรกิจบริการคาดว่าจะเติบโตในช่วงตัวเลขสองหลักระดับต่ำ (low double digits YoY) นอกจากนี้ บริษัทคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะอยู่ในช่วง 46.5-47.5% และคาดการใช้จ่ายในการดำเนินงานอยู่ที่ประมาณ 15.1-15.3 พันล้านดอลลาร์

 

การขยายตลาดและกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์

แม้จะมีความท้าทายในด้านยอดขาย iPhone ในบางภูมิภาค Apple ยังคงมีความเข้มแข็งในธุรกิจบริการและผลิตภัณฑ์อื่น ๆ เช่น Mac และ iPad รวมถึงการขยายฐานลูกค้าในตลาดเกิดใหม่อย่างอินเดีย ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยเสริมสร้างรายได้ในระยะยาว

นอกจากนี้ แผนการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เช่น iPhone SE รุ่นใหม่และการอัปเดต MacBook Air จะช่วยเสริมทัพให้กับแนวโน้มการเติบโตในอนาคต

 

ผลประกอบการไตรมาสที่ 4 ในปี 2024 ของ Apple สะท้อนถึงความแข็งแกร่งและความยืดหยุ่นของบริษัทในยุคที่ตลาดมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว รายได้ที่เพิ่มขึ้นและกำไรสุทธิที่เติบโต รวมถึงการขยายธุรกิจบริการและการลงทุนใน R&D ล้วนเป็นสัญญาณที่ดีในการเตรียมความพร้อมสำหรับการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ในอนาคต เช่น AI ผู้ช่วยที่มีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้น แม้ว่าการลดลงของยอดขาย iPhone โดยเฉพาะในบางตลาดจะเป็นความท้าทายที่ Apple ต้องแก้ไข แต่กลยุทธ์ในการขยายตลาดและการเพิ่มประสิทธิภาพในแต่ละส่วนธุรกิจช่วยให้บริษัทยังคงความเป็นผู้นำและพร้อมที่จะก้าวต่อไปในยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 ของโลก

 

 

 

นักลงทุนที่สนใจสามารถติดต่อเพื่อขอคำแนะนำการลงทุน หรือ ขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่

ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย ทุกสาขา

CIMB THAI Care Center โทร. 02 626 7777

LINE Wealth & Preferred

 

คำเตือน:

  • ผลการดำเนินงานในอดีต/การเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้อง มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
  • ข้อมูลนี้จัดทำโดยอาศัยที่มาจากแหล่งข้อมูลสาธารณะซึ่งปรากฎขณะจัดทำ ซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงไปแต่ละขณะ ผู้ลงทุนโปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า (กองทุน) เงื่อนไข ผลตอบแทน ความเสี่ยงและขอคำแนะนำเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจลงทุน

 

จัดทำข้อมูลและตรวจสอบข้อมูลโดย

  • คุณนนทกร งามสุนทรานันท์  ที่ปรึกษาการลงทุน Investment Strategist ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย (มหาชน)
  • จิรไพบูลย์ รัตนภาณุรักษ์ (IP, FM, IA) ผู้อำนวยการที่ปรึกษาทางการเงิน Investment Strategist ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน)