คุณอยู่ที่

  • ทำไมต้อง CIMB Preferred
  • บริการเพื่อความมั่งคั่ง
  • บทความ
  • วิธีการเข้าร่วมเป็น CIMB Preferred
  • บริการช่วยเหลือสำหรับคุณ
  • ลิงค์ด่วน
CIMB Rewards Program
โปรโมชั่นและสิทธิพิเศษสำหรับคุณโดยเฉพาะ
กิจกรรมและสัมมนา
ค้นหาระดับความเสี่ยงในการลงทุนของคุณ
บริการทางการเงินและการลงทุน
2025 Outlook
มุมมองการลงทุนประจำเดือน
กองทุนแนะนำ
กองทุนรวม (Mutual Fund)
มุมมองเศรษฐกิจและการลงทุนรายไตรมาส
Lifestyle
Structured Debenture
วางแผนทางการเงิน
Weekly Wealth Insights

จัดพอร์ต RMF เมื่อโลกลดการพึ่งพาเงินดอลลาร์ ตลาดหุ้นแพง  

 

จัดพอร์ต RMF ตอบรับการเปลี่ยนผ่านสู่การลดการพึ่งพาเงินดอลลาร์และการรักษามูลค่าของพอร์ตการลงทุนในภาวะที่ตลาดตราสารทุนอยู่ในระดับที่แพง

 

เป้าหมายการทำพอร์ตสำหรับ RMF นอกเหนือจากการซื้อกองทุนลดหย่อนภาษีเพื่อได้สิทธิประโยชน์ทางภาษี นักลงทุนยังอาจต้องคำนึงถึงเป้าหมายของการลงทุนในมิติอื่นเพิ่มเติมเพื่อให้ตอบโจทย์เป้าหมายทางการเงินในแต่ละระยะยาว เช่น การลงทุนเพื่อเกษียณอายุอาจต้องให้ความสำคัญกับการจำกัดความเสี่ยงเพิ่มเติมเข้ามา หรือมีเป้าหมายเพื่อสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนในระยะยาว

 

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถาณการณ์ปัจจุบันที่ความไม่แน่นอนเพิ่มสูงขึ้นหลังจากประธานาธิบดีสหรัฐฯ ต้องการลดการขาดดุลทางการค้ากับประเทศคู่ค้าทั่วโลก และนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่จะส่งผลให้ปริมาณหนี้สินต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศเพิ่มสูงขึ้นในอนาคตส่งผลให้เงินดอลลาร์มีแนวโน้มที่จะเสื่อมมูลค่าลงต่อเนื่อง ประกอบกับแนวโน้มการลดการพึ่งพาเงินดอลลาร์ที่เพิ่มสูงขึ้นของธนาคารกลางทั่วโลก นอกจากประเด็นดังกล่าวนี้ แนวโน้มในแต่ละประเทศมีการกลับมากระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศตนเองมีเพิ่มสูงขึ้น ขณะที่มูลค่าของตลาดตราสารทุนในสหรัฐฯ ที่อยู่ในระดับที่แพงเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในอดีต 

 

จากสถานการณ์ข้างต้น การพิจารณาจัดพอร์ตการลงทุนระยะยาวสำหรับ RMF จึงควรเน้นการกระจายความเสี่ยง (Diversification) ให้สูงขึ้น เพื่อลดผลกระทบจากความผันผวนและการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจโลกในอนาคต

CIMB Wealth Advisory มองว่า การกระจายความเสี่ยงในการลงทุนโดยการทำ Portfolio Management เป็นอีกทางเลือกสำหรับนักลงทุนที่ต้องการสิทธิประโยชน์ในการลดหย่อนภาษีจากการลงทุนในกองทุนรวม RMF เพื่อเป็นการสร้างผลตอบแทนโดยคำนึงถึงระดับความเสี่ยงของการลงทุนควบคู่ไปด้วย

 

 

 

 

 


โดยพอร์ตการลงทุนที่ CIMB Wealth Advisory แนะนำสำหรับการลงทุนกองทุนเพื่อสิทธิประโยชน์ทางภาษีแบ่งตามระดับความเสี่ยงออกเป็น 3 ระดับคือความเสี่ยงต่ำ ความเสี่ยงกลาง และความเสี่ยงสูง ดังนี้ 

 

1. ระดับความเสี่ยงต่ำ (Bond to Equity to Alternative = 80 : 10 : 10) สำหรับความเสี่ยงต่ำเหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการจะรักษาเงินต้นไว้สำหรับอนาคตเพื่อตอบโจทย์ทั้งเป็นเงินที่ใช่ในยามเกษียณ หรือเป็นเงินก้อน

 

 

 

สำหรับการจัดพอร์ตการลงทุนเน้นไปที่กลุ่มตราสารหนี้เป็นหลัก โดยการเลือกกองทุนที่มีลักษณะใกล้เคียงกับเงินสดโดยเลือก KFACASHRMF ในสัดส่วนร้อยละ 20 และแนะนำการลงทุนใน UOBGBRMF ลงทุนในตราสารหนี้ระยะกลางโดยเฉพาะเป็นการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลเป็นหลักเพื่อผลตอบแทนของพอร์ตการลงทุนในสัดส่วนร้อยละ 40 สำหรับตราสารหนี้ต่างประเทศแนะนำให้ลงทุนใน UGISRMF ในสัดส่วนร้อยละ 20 ซึ่งเป็นสัดส่วนที่ได้รับผลประโยชน์จากวัฏจักรดอกเบี้ยขาลงในช่วงระยะ 1-2 ปีข้างหน้า ประกอบกับลงทุนใน Index Fund อย่าง KKP PGE RMF-H ที่เป็นการลงทุนในตลาดหุ้นโลกคือ iShares MSCI ACWI ETF ในสัดส่วนร้อยละ 10% ที่จะสามารถช่วยสร้างผลตอบแทนให้นักลงทุนได้ในระยะยาว ประกอบกับลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือกคือทองคำผ่านกองทุน SCBGOLDHRMF ในสัดส่วนร้อยละ 10%

 

ของฝากนักลงทุน

 

ข้อดีของการถือกองทุนที่มีการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ ในอนาคตนักลงทุนสามารถย้ายการลงทุนในส่วนนี้เพื่อมีโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่สูงขึ้นได้อย่างเช่นกองทุน KKP PGE RMF-H สามารถปรับมาเป็นการลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯได้ในภายหลังเมื่อราคาตลาดหุ้นสหรัฐฯกลับเข้ามาในกรอบค่าเฉลี่ยในอดีต 

 

การบ้านนักลงทุน

 

การเลือก UGISRMF อาจมีความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาตราสารหนี้โดยนักลงทุนสามารถศึกษาเพิ่มเติมสำหรับกองทุน  KFCASHRMF หรือ UOBGBRMF ที่มีการลงทุนตราสารหนี้ในประเทศทำให้มีความเสี่ยงที่ต่ำกว่าดังนั้นนักลงทุนสามารถเปลี่ยนน้ำหนักการลงทุนระหว่างกองทุนดังกล่าวได้ หรือหากพิจารณาการลงทุนในระยะยาวยังสามารถเลือกลงทุนใน SCBRMS&P500 แทนการลงทุนในหุ้นโลกคือ KKP PGE RMF-H จากการแนะนำในข้างต้นได้
 

______________________________________________________________________________________________________

 

 

2. ระดับความเสี่ยงปานกลาง ( Bond to Equity to Alternative = 40 : 40 : 20) สำหรับความเสี่ยงปานกลางเหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการเพิ่มผลตอบแทนตามความเสี่ยงที่มากขึ้นเพื่อให้ให้เงินลงทุนเติบโตได้พร้อมกับมีการลดความเสี่ยงจากการลงทุนด้วย Fixed Income 

 

 

สำหรับการลงทุนในส่วนของตราสารหนี้ให้น้ำหนักการลงทุนในตราสารหนี้ในประเทศผ่าน UOBGBRMF สัดส่วนร้อยละ 10 และการลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศที่สัดส่วนร้อยละ 30 ผ่าน UGISRMF เพื่อรักษาเงินต้นไว้และยังสามารถให้ผลตอบแทนส่วนเพิ่มเติมจากกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศโดยเฉพาะสหรัฐฯที่ยังอยู่ในวัฏจักรดอกเบี้ยขาลง สำหรับการลงทุนในหุ้นที่เป็น Core Portfolio จะลงทุนใน KKP PGE RMF-H ในสัดส่วนร้อยละ 30 เป็นส่วนหนึ่งของการลงทุนหลังสำหรับสินทรัพย์เสี่ยงเนื่องจากเป็นกองทุนที่ลงทุนหุ้นโลกที่มีการกระจายการลงทุนนอกเหนือจากสหรัฐฯ ไปประเทศอื่นๆ ทั่วโลก 

 

ในส่วนของ Tactical Investment จะเน้นไปที่การลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนส่วนเพิ่มจากกองทุนและรักษามูลค่าของเงินลงทุน แนะนำให้ลงทุนในกลุ่มที่เป็น Asia Pacific ex Japan ที่จะได้รับผลประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนและการเติบโตในกลุ่มเอเชีย อาทิเช่น อินเดียและเกาหลี โดยลงทุนผ่าน ES-ASIARMF อีกกลุ่มหนึ่งคือสินทรัพย์ทางเลือกที่ได้ประโยชน์จากการลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางทั่วโลกคือกลุ่ม Global Infrastructure ที่ต้องใช้เงินลงทุนสูงในการขยายธุรกิจเมื่อต้นทุนทางการเงินลดลงทำให้เป็นอีกหนึ่งกลุ่มที่ได้ประโยชน์โดย Valuation ของกลุ่มนี้มีความถูกกว่ากลุ่มที่เป็น Global REITs สุดท้ายการลงทุนในทองคำเป็นอีกกลุ่มที่ได้รับผลประโยชน์จากการที่ค่าเงินดอลลาร์ออ่อนค่าพร้อมกับธนาคารกลางทั่วโลกยังคงเพิ่มสัดส่วนในการถือครองทองคำ

 

ของฝากนักลงทุน

 

การเลือก Tactical Investment สามารถพิจารณาจากมุมมองการลงทุนในระยะยาวตามประเทศที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องดังเช่นสหรัฐฯผ่านกองทุน SCBRMS&P500 และ SCBRMNDQ(A) แทนการลงุทนในกลุ่ม Global Infrastructure ที่มีความปลอดภัยมากกว่า สามารถสร้างผลตอบแทนส่วนเพิ่มได้ในระยะยาว

 

การบ้านนักลงทุน

 

สำหรับกองที่เป็นกองทุน Tactical Investment นักลงทุนสามารถเปลี่ยนน้ำหนักการลงทุนได้ตามความต้องการได้เช่นกัน และสามารถพิจารณาจังหวะการเข้าซื้อในช่วงที่ราคาปรับตัวลดลง หรือทยอยสะสม

 

______________________________________________________________________________________________________

 

 

3. ระดับความเสี่ยงสูง  ( Bond to Equity to Alternative = 20 : 60 : 20) สำหรับความเสี่ยงสูงเหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการสร้างผลตอบแทนในระยะยาวผ่านการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงเพื่อให้ได้ผลตอบแทนมากกว่าการถือเงินสดไว้

 

 

สำหรับการจัดพอร์ตการลงทุนมีสัดส่วนของตราสารหนี้ต่างประเทศผ่าน UGISRMF ร้อยละ 20 เพื่อช่วยลดความเสี่ยงพอร์ตโดยรวมและยังเป็นส่วนที่ได้ประโยชน์จากวัฏจักรดอกเบี้ยขาลง แต่ภาพรวมพอร์ตการลงทุนจะเน้นไปที่กองทุนหุ้นต่างประเทศเป็นหลักโดยสัดส่วนหลักจะอยู่ที่ KKP PGE RMF-H ลงทุนในหุ้นโลกและ SCBRMNDQ(A) ลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ เป็น Core Portfolio โดยมีการให้น้ำหนักในกองทุนหุ้นโลกเท่าเพื่อกระจายความเสี่ยงในภาวะที่ตลาดหุ้นมี Valuation ที่แพงเมื่อเปรียบเทียบกับอดีตโดยยังมีสัดส่วนการลงทุนในสหรัฐ ฯ เป็นหลัก

 

เนื่องจากหากพิจารณาการลงทุนระยะยาวประเทศสหรัฐฯจะยังคงเป็นผู้นำทางด้านเทคโนโลยีซึ่งจะได้ประโยชน์จากเทคโนโลยีใหม่ที่เกิดขึ้นในอนาคตอาทิเช่น  Artificial Intelligent  ที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน สำหรับการลงทุนในส่วนที่เป็น Tactical Investment มีการลงทุนในกลุ่ม Asia Pacific ex Japan  ผ่านกองทุน ES-ASIARMF ที่ได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนและการเติบโตในประเทศภูมิภาคเอเชียอาทิเช่นอินเดียและเกาหลีไต้ แนะนำให้ลงทุนในสัดส่วนร้อยละ 20 และสินทรัพย์ทางเลือกผ่านกองทุน Global Infrastructure ในสัดส่วนร้อยละ 20 เพื่อลดความผันผวนของพอร์ตการลงทุนและสร้างผลตอบแทนเพิ่มเติมจากกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยที่กำลังจะปรับลดลงต่อของสหรัฐ ฯ

 

ของฝากนักลงทุน

 

สำหรับนักลงทุนที่ความเชื่อมันในสหรัฐฯ ในระยะยาวสามารถลดสัดส่วน Index Fund อย่าง KKP PGE RMF-H ไปลงทุนในกองทุน SCBRMNDQ(A) หรือ SCBRMS&P500 ได้เพื่อสร้างผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้นในระยะยาว หรือถ้าอยากลดการกระจุกตัวในสหรัฐฯ ที่มากเกินไปสามารถลงทุน KKP PGE RMF-H เพียงกองเดียวได้

 

การบ้านนักลงทุน

 

Tactical Investment นักลงทุนอาจจะไม่ได้สนใจการลงแบบกระจายหลายประเทศอาทิดังเช่น ES-ASIARMF นักลงทุนสามารถเลือกตัวเลือกอื่นๆ เพิ่มเติมเพื่อลงทุนตามมุมมองการลงทุนของนักลงทุนเองได้อย่างเช่นกองทุนญี่ปุ่นผ่าน KFJAPANRMF, กองทุนหุ้นเวียดนาม PRINCIPAL VNEQRMF หรือ KFGGRMF ที่เน้นการลงทุนในหุ้นโลกที่เติบโตสูง เป็นต้น

 

______________________________________________________________________________________________________

 

 

คำเตือน:

  • ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า (กองทุน) เงื่อนไข ผลตอบแทน ความเสี่ยง และขอคำแนะนำเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจลงทุน

  • ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ระบุไว้ในคู่มือการลงทุน

  • ข้อมูลนี้จัดทำโดยอาศัยแหล่งที่มาจากแหล่งข้อมูลสาธารณะซึ่งปรากฏขณะจัดทำ ซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงไปในแต่ละขณะ

  • การลงทุนในกองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งอาจทำให้ได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรก โดยกองทุนมีเป้าหมายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน

 

นักลงทุนที่สนใจสามารถติดต่อเพื่อขอคำแนะนำการลงทุน หรือ ขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่

 

  • ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย ทุกสาขา
  • CIMB THAI Care Center โทร. 02 626 7777
  • LINE  Wealth & Preferred

 

 

จัดทำข้อมูลและตรวจสอบข้อมูลโดย

 

คุณดรัณภพ สังเกต Investment Research ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน)

 

คุณจิรไพบูลย์ รัตนภาณุรักษ์ (IP, FM, IA) ผู้อำนวยการที่ปรึกษาทางการเงิน Investment Strategist ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน)