เปิดเงื่อนไข กองทุนลดหย่อนภาษีน้องใหม่ Thai ESGX

เปิดเงื่อนไข กองทุนลดหย่อนภาษีน้องใหม่ Thai ESGX

Thai ESGX หรือ กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืนแบบพิเศษ (Thailand ESG Extra Fund) เป็นกองทุนรวมประเภทใหม่ภายใต้หมวด Thai ESG ที่มุ่งเน้นการลงทุนในหลักทรัพย์หรือธุรกิจที่ให้ความสำคัญกับปัจจัยด้าน สิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (Environmental, Social, and Governance: ESG) เช่นเดียวกับกองทุน Thai ESG ที่มีอยู่เดิม พร้อมมอบสิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่ผู้ลงทุน

Thai ESGX รองรับทั้งการสับเปลี่ยนหน่วยลงทุน LTF รวมถึงเงินลงทุนใหม่ สำหรับการลงทุนในช่วงเวลาที่กำหนด 2 เดือน (คาดว่าในช่วงเดือน พ.ค. - มิ.ย. 68)

เป้าหมายหลักของกองทุน

คือการส่งเสริมการลงทุนในธุรกิจที่ยั่งยืน และกระตุ้นให้เงินลงทุนยังคงหมุนเวียนอยู่ในตลาดหุ้นไทย โดยเฉพาะในปี 2568 ซึ่งเป็นปีที่กองทุน LTF ทั้งหมดจะสามารถขายคืนได้ภายใต้เงื่อนไขด้านภาษี

นโยบายการลงทุนของกองทุน Thai ESGX

จะเน้นลงทุนในหุ้นไทยเหมือนกับกองทุน LTF โดยจะลงทุนในทรัพย์สินที่ออกโดยผู้ออกหรือกิจการในประเทศไทยที่มีคุณสมบัติด้านความยั่งยืนตามหลักเกณฑ์เดียวกับกองทุน Thai ESG โดยเฉลี่ยรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV แต่มีกรอบการลงทุนเพิ่มเติมคือ ต้องลงทุนในหุ้นกลุ่มความยั่งยืนโดยเฉลี่ยรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 65% ของ NAV

กองทุน  Thai ESGX  เหมาะกับใคร

1. ผู้ที่มองหาช่องทางลดหย่อนภาษีเพิ่มเติม
2. ผู้ที่มีเงินลงทุนใน LTF และต้องการสับเปลี่ยนจากกองทุน LTF ที่กำลังจะหมดอายุ โดยกองทุนนี้มีเงื่อนไขการลงทุนที่ยืดหยุ่นมากขึ้นเมื่อเทียบกับกองทุน Thai ESG ทั้งในแง่ของระยะเวลาการถือครองที่ลดลงเหลือ 5 ปี และวงเงินลดหย่อนภาษีที่เพิ่มขึ้นเป็น 300,000 บาท

ข้อควรพิจารณาก่อนโอนเงินจากกองทุน LTF มายังกองทุน Thai ESGX

ก่อนตัดสินใจโอนเงินลงทุนจากกองทุน LTF เดิมมายังกองทุน Thai ESGX นักลงทุนควรพิจารณาอย่างรอบคอบในประเด็นต่อไปนี้:

    1. ต้องถือลงทุนต่ออีก 5 ปี

เมื่อโอนเงินมายังกองทุน Thai ESGX แล้ว จะต้องถือหน่วยลงทุนต่อไปอีกอย่างน้อย 5 ปี จึงจะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีตามที่กำหนด

    2. ความเสี่ยง/ความผันผวนของตลาดหุ้นไทยในระยะยาว

กองทุน Thai ESGX ลงทุนในหุ้นกลุ่มความยั่งยืนในตลาดหุ้นไทย โดยเฉลี่ยรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 65% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (NAV) ซึ่งจัดว่าเป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงสูง

• ผู้ที่มีอายุมากหรือเริ่มรับความเสี่ยงได้น้อยลง อาจไม่เหมาะกับการลงทุนในกองทุนประเภทนี้
  
• โอกาสสร้างผลตอบแทนในตลาดหุ้นไทย อาจน้อยกว่าการลงทุนในกองทุน RMF ที่ลงทุนในหุ้นต่างประเทศ

    3. จำกัดสิทธิลดหย่อนภาษีไม่เกิน 500,000 บาท

นักลงทุนสามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีจากการโอนเงินจาก LTF ไปยัง Thai ESGX ได้ สูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท

ดังนั้น หากมีเงินลงทุนใน LTF เดิมเกินกว่านี้ ส่วนที่เกินจะไม่ได้รับสิทธิลดหย่อนภาษี แต่ต้องโอนมาไว้ที่กองทุน Thai ESGX ทั้งหมดและถือต่อจนครบกำหนด 5 ปี

    4. ไม่เหมาะกับผู้ที่ใกล้เกษียณหรือไม่สามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้เต็มที่ 
สำหรับผู้ที่ใกล้เกษียณหรือผู้ที่เหลือเวลาการใช้สิทธิลดหย่อนภาษีอีกไม่ถึง 5 ปี (ก่อนปี 2572) หรือไม่ได้ใช้สิทธิลดหย่อนภาษีอีกต่อไปแล้ว อาจไม่เหมาะกับการโอนเงินจาก LTF มายังกองทุน Thai ESGX เพราะจะ ไม่ได้รับประโยชน์ทางภาษีอย่างเต็มที่ เนื่องจากส่วนที่ลดหย่อนได้ปีละ 50,000 บาท ในปี 2569 - 2572 จะไม่ได้ใช้สิทธิ

กรณีไม่มี LTF มาก่อน ลงทุนกองทุน Thai ESGX ได้หรือไม่

หากไม่มีเงินลงทุนในกองทุน LTF มาก่อน ก็สามารถลงทุน Thai ESGX ภายในพฤษภาคม - มิถุนายน 2568 ได้ และจะได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีเพิ่มอีก 300,000 บาท (ไม่รวมสิทธิประโยชน์เดิม) ด้วย เนื่องจากในส่วนของเงินลงทุนใหม่ในกองทุน Thai ESGX เฉพาะที่ลงทุนในปี 2568 สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 30% ของเงินได้พึงประเมิน สูงสุดไม่เกิน 300,000 บาท โดยไม่รวมกับวงเงินกองทุน Thai ESG เดิม

ทำให้ปี 2568 หากนับรวมการโอนย้าย LTF และเงินลงทุนใหม่ในกองทุน Thai ESGX แล้ว  นักลงทุนสามารถลดหย่อนภาษีจากกองทุนรวมได้ สูงสุด 1,400,000 บาท มาจาก

• สับเปลี่ยนจาก LTF → Thai ESGX: 300,000 บาท
• ซื้อกองทุน Thai ESGX ใหม่: 300,000 บาท
• ซื้อกองทุน Thai ESG: 300,000 บาท
• ลงทุนกองทุน RMF: 500,000 บาท

และหากรวมเบี้ยประกันชีวิตอีก 100,000 บาท จะเป็น 1.5 ล้านบาท 

FAQ : สรุปคำถาม – คำตอบ เตรียมพร้อมสำหรับ Thai ESGX  คลิก

คำเตือน:

• ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า (กองทุน) เงื่อนไข ผลตอบแทน ความเสี่ยง และขอคำแนะนำเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจลงทุน
• ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ระบุไว้ในคู่มือการลงทุนด้วย
• ข้อมูลนี้จัดทำโดยอาศัยแหล่งที่มาจากแหล่งข้อมูลสาธารณะซึ่งปรากฏขณะจัดทำ ซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงไปในแต่ละขณะ

นักลงทุนที่สนใจสามารถติดต่อเพื่อขอคำแนะนำการลงทุน หรือ ขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่

• ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย ทุกสาขา
• CIMB THAI Care Center โทร. 02 626 7777
• LINE Wealth & Preferred

เรียบเรียงโดย Wealth Advisory by CIMB THAI Bank

ตรวจสอบข้อมูลโดย คุณจิรไพบูลย์ รัตนภาณุรักษ์ (IP, FM, IA) ผู้อำนวยการที่ปรึกษาทางการเงิน Investment Strategist ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน)